ภาพยนตร์แอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ “ครุฑ มหายุทธ หิมพานต์” จะเข้าฉาย 19 กรกฎาคมนี้ แอดมินไปดูมาแล้ว บอกเลยว่าภาพสวย สมจริงมาก แต่ยังต้องปรับปรุงด้านการเล่าเรื่องให้น่าติดตามกว่านี้
“ครุฑ มหายุทธ หิมพานต์” เล่าเรื่องราวในอดีตอันไกลโพ้น ในยุคสมัยที่มนุษย์ยังมิได้เป็นผู้ครอบครองพิภพ มีเพียงเผ่าพันธุ์เล็กๆ ที่เพิ่งเกิดใหม่ในหมู่สิ่งมีชีวิต อาทิ คชสีห์ นรสิงห์ ครุฑ นาค รากษส กินนรี กินนร ที่ผลัดเปลี่ยนกันทำสงครามเพื่อแย่งชิงและยึดครองอาณาจักรของกันและกัน
เมืองอโยธยาซึ่งเดิมทีปกครองโดยเหล่ากินนรก็ถูกกองทัพครุฑยกทัพเข้าแย่งชิง ทำให้เหล่ากินนร กินรี กลายเป็นทาส จนกระทั่งวันหนึ่งเหล่ากินนรสามารถหลบหนีพวกครุฑออกไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ป่าหิมพานต์ได้สำเร็จ และอีกหลายปีต่อมาเมืองอโยธยาที่ปกครองโดยเหล่าครุฑ ก็ถูกพวกรากษสเข้าโจมตีเช่นกัน
พญาวัชรครุฑ ทหารเอกแห่งอโยธยา และเหล่าทหารครุฑ เห็นทีว่าจะป้องกันเมืองไม่อยู่ จึงตีฝ่าวงล้อมบินข้าม มหานทีสีทันดร ไปรวบรวมความช่วยเหลือจากสัตว์น้อยใหญ่ในป่าหิมพานต์ รวมถึงกินนร ผู้เคยเป็นปรปักษ์กันมาก่อน
ซึ่งพญาวัชรครุฑจะใช้วิธีใดเพื่อชักชวนเผ่าพันธุ์อื่นมาร่วมรบชิงเมืองคืนนั้นต้องไปติดตามเอาใจช่วยกันในโรงภาพยนตร์
แอดมินขอพูดถึงความประทับใจหลังดูจบก่อนนะคะ อันดับแรกต้องชื่นชมในงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่สร้างสรรค์ออกมาสวยงาม สมจริง ทั้งฉากเมืองโยธยา ฉากป่าหิมพานต์ ฉากมวลหมู่นาคาในมหานทีสีทันดร และเขาวงกตสุดอลังการ ฉากการต่อสู้ก็สนุก มีท่วงท่าในการโจมตี มีการโคลสอัพการใช้อาวุธอย่างสวยงาม
สำหรับสิ่งที่ไม่ค่อยชอบก็คือการเล่าเรื่องค่ะ หนังเล่าเรื่องได้ไม่ค่อยน่าติดตามนัก และการที่ครุฑเคยกระทำผู้อื่นมาก่อนเมื่อถึงคราวที่ครุฑถูกกระทำบ้าง แอดมินจึงรู้สึกสมน้ำหน้ามากกว่าที่จะเอาใจช่วยค่ะ ถึงแม้ว่าตัวพระเอกคือพญาวัชรครุฑจะเป็นคนดีแต่ก็ไม่ช่วยให้ภาพที่ครุฑข่มเหงกินนร กินนรี โดยเหล่าครุฑนั้นจางหายไปจากใจ
แล้วการที่หนังมีมุมโคลสอัพตัวละครในหลายฉากหลายตอนก็ทำให้เรื่องราวโดยรวมเดินไปได้ช้าค่ะ แถมที่ไปโคลสอัพบางตัวก็ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์การรบดีขึ้นเมื่อมันถูกศัตรูจัดการได้อย่างง่ายดาย
หนังมาดีอีกช่วงในตอนท้ายเรื่องที่มีการสรุปว่า เหล่าเผ่าพันธุ์ต่างๆ นั้นมีความเชื่อมโยงกับรูปปั้นในบริเวณพระบรมมหาราชวังอย่างไร ดูตอนนี้แล้วรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจค่ะ สำหรับฉากโรแมนติกก็พอมีกล้อมแกล้มค่ะ ไม่ได้ทำให้รู้สึกอินตาม หรือรู้สึกซาบซึ้งมากมายนัก ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทางทีมงานภาพยนตร์พัฒนาด้านเนื้อเรื่องกันต่อไปนะคะ
“แอดมินYathinun”