ณ ขณะที่ “จ่าแฉ่ง” นั่งปั่นต้นฉบับอยู่นี้ ศึกลูกหนังโลก 2018 ผ่านไปแล้ว 6 วัน รวมทั้งสิ้น 17 คู่ เผยโฉมทั้ง 32 ทีม ครบถ้วน มีแถมทีมกลุ่ม A ที่ลงมาเตะเป็นหนที่ 2 เพียงคู่เดียว นั่นก็คือ รัสเซีย เจ้าภาพ กับนักเตะมัมมี่ อียิปต์ ที่เป็นคู่ปิดท้ายรอบดึกของคืนวันอังคารที่ 19 มิถุนายน
ลีลาการเล่นของทั้ง 32 ทีมเป็นอย่างไรบ้าง ท่านผู้อ่านคงจะได้เห็นได้ชมกันทั่วหน้าไปแล้ว ใครหล่อใครเท่? ใครเล่นดีใครเล่นบู่? คงจะอยู่ในความทรงจำของท่านผู้อ่านเป็นที่เรียบร้อย
“จ่าแฉ่ง” ขอทำหน้าที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญสำหรับ 2 คู่ส่งท้าย ของการโชว์ตัวครบ 32 ทีมซึ่งเป็นของกลุ่ม H เอาไว้ซะก่อนตามระเบียบ เนื่องเพราะเป็นคืนแห่งความภาคภูมิใจของประชากรใน 2 ทวีปที่เปรียบเสมือนไม้ประดับของฟุตบอลโลกมาโดยตลอด
ทว่าในค่ำคืนวันอังคารที่ผ่านมานี้ ไม้ประดับจาก เอเชีย อันได้แก่ทีมญี่ปุ่น กับไม้ประดับจาก แอฟริกา ต่างก็กลายเป็นดอกไม้เหล็กไล่ทิ่มแทงทีมใหญ่จาก 2 ทวีปมหาอำนาจลูกหนังจนหลุดลุ่ยกระจุยกระจายไปอย่างสมใจคนเชียร์บอลรอง
นักเตะซามูไรจากญี่ปุ่น ภายใต้การนำของโค้ช อาริงะ นิชิโน สามารถเอาชนะทีมจากอเมริกาใต้อย่างโคลอมเบีย ไป 2 ประตูต่อ 1 ทั้งๆที่เป็นรองหลายขุม
แต่ด้วยความผิดพลาดทางเทคนิคของโคลอมเบีย อันเกิดจากการที่กองหลังตัวฉกาจ คาร์ลอส ซานเชซ ไปใช้แขนป้องกันลูกซัลโวเผาขนของ ชินจิ คางาวะ หน้าประตู ต่อหน้าต่อตากรรมการผู้ตัดสิน คามีร์ ชโดมีนา จากสโลวีเนีย
ทำให้ต้องเป่านกหวีดให้เตะลูกโทษพร้อมชักใบแดงไล่คาร์ลอสออกจากสนามตามกติกา นับเป็นการแจกใบแดงใบแรกของฟุตบอลโลก ครั้งนี้ และเป็นใบแดงที่เร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ของฟุตบอลโลกทั้งหมด นับตั้งแต่เตะกันมาด้วยเวลาเพียง 2 นาที 56 วินาที
ชินจิ คางาวะ ซัดตูมไม่เหลือขึ้นนำ 1-0 ได้เปรียบทั้งประตูและจำนวนผู้เล่น เนื่องจากโคลอมเบียเหลือแค่ 10 คน
นักเตะจากละติน อเมริกา มาตีเสมอได้อย่างสุดสวย จากการยิงลูกโทษนอกเขตแบ็กของ ฮวน กิมเดโร เรียดดินเข้าประตู กลายเป็น 1-1 และจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
แต่พอเริ่มครึ่งหลัง นักเตะซามูไรก็เดินหน้าถล่มแหลกแบบไม่ให้โคลอมเบียตั้งตัว แถมยังคอนโทรลลูกโยนไปโยนมาหลอกให้นักเตะละตินวิ่งจนหมดแรงขนมปังไปตามๆกัน
ดาวดังอย่าง ราดาเมล ฟัลเกา แทบจะวิ่งไม่ออก ในครึ่งหลัง ในขณะที่ ฮาเมส โรดริเกซ ซึ่งมาในสภาพไม่สมบูรณ์ก็พลอยหอบแฮ่กไปด้วย
และแล้วในนาทีที่ 66 ญี่ปุ่นก็ขึ้นนำ 2-1 จากการโขกลูกเตะมุมโดย ยูยะ โอซาโกะ พร้อมกับรักษาสกอร์นี้ไว้ได้จนจบการแข่งขัน นำชัยชนะอันยิ่งใหญ่มาสู่ชาวเอเชีย
นับว่าญี่ปุ่นเป็นชาติแรกของเอเชียที่สามารถเอาชนะทีมจากอเมริกาใต้ในการแข่งขันบอลโลกมาทั้งหมด ทีมเอเชียกับละติน เจอกันมา 18 หนเอเชียแพ้ 14 หน เสมอ 3 หน เพิ่งชนะได้ 1 หน ด้วยฝีเท้าของญี่ปุ่นนี่เอง
“จ่าแฉ่ง” ขออนุญาตบันทึกเอาไว้ยาวหน่อยด้วยความปลื้มปริ่มที่นานๆ จะได้เห็นทีมเอเชียเราต้อนทีมละตินได้แบบนี้ซักทีหนึ่ง
ส่วนคู่ถัดมาของกลุ่ม H ก็เป็นความภูมิใจของชาวแอฟริกาเมื่อ เซเนกัล ตามมาเอาชนะ โปแลนด์ ไปได้ 2-1 ด้วยการเล่นที่คล่องแคล่วและคมกริบ
โดยเฉพาะ ซาดิโอ มาเน ขวัญใจ “จ่าแฉ่ง” และแฟนบอลลิเวอร์พูลในเมืองไทยโชว์ฟอร์มได้สมราคาแม้จะทำประตูไม่ได้เองในค่ำคืนนี้ก็ตาม
หวังว่าคงจะไปโลดๆ นะครับเซเนกัล ถ้าไปคู่กับญี่ปุ่นได้จะสวยมาก…ห่วงแต่ว่าจะต้องมาเจอกันเองซะก่อน คงต้องไป 1 ทีม อยู่ 1 ทีม
ถ้าวันนั้นมาถึงคงต้องเอาใจช่วยญี่ปุ่นประสาคนเอเชียด้วยกันไว้ก่อนละ
สำหรับคู่สุดท้าย ระหว่าง รัสเซีย กับ อียิปต์ ในกลุ่ม A ซึ่งเป็นการลงสนามครั้งที่ 2 ของทั้ง 2ทีม ในช่วงตี 1 นั้น จบลงด้วยรัสเซียชนะขาด 3-1
โม ซาลาห์ ดาวดังจากลิเวอร์พูล ที่ทำให้จ่าแฉ่งต้องยอมถ่างตาดูจนดึกดื่น ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ เพราะยิงแค่ลูกโทษลูกเดียวเท่านั้น
ต้องยอมรับว่ารัสเซียทีมนี้เก่งแฮะ และก็พลิกความคาดหมายเช่นกันเพราะอุ่นเครื่องบู่มาตลอดแต่ลงจริงกลับทำได้หรู แม้โดยตัวเลขและความเป็นไปได้ขณะที่เขียนนี้ยังไม่อาจสรุปได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่ารัสเซียจะได้เข้ารอบ
แต่จ่าแฉ่งฟันธงเปรี้ยงไปเลยว่าได้เข้ารอบแน่ๆ และก็คงจะเข้าคู่กับ อุรุกวัย นั่นแหละครับไม่ต้องคิดอะไรมาก
ธงจะหักหรือไม่หักไม่ต้องรอนาน รู้กันคืนวันพุธที่ 20 มิ.ย. ก่อนเวลาเที่ยงคืนแน่นอนครับ…ท่านที่อ่านคอลัมน์นี้ เช้าตรู่วันพฤหัสบดีโปรดอย่าลืมเงี่ยหูฟังผลการแข่งขันจากทีวี หรือวิทยุด้วยก็แล้วกัน.
“จ่าแฉ่ง”