ขณะที่ผมนั่งรถเข้าโรงพิมพ์ก่อนเขียนต้นฉบับวันนี้ ได้ยินผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุแห่งหนึ่งรายงานว่า สำนักงาน ปปง.มีมติให้ยึดทรัพย์อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 3 ราย กรณียักยอกเงินช่วยเหลือคนจนไว้แล้ว รวมเป็นเงินถึง 88 ล้านบาท
หมายถึง คดียักยอกเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้ของข้าราชการในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เคยเป็นข่าวเกรียวกราว เมื่อหลายๆเดือนที่ผ่านมานั่นเอง
เมื่อผมมาถึงโรงพิมพ์ก็เดินไปที่โต๊ะข่าว ขออ่านรายละเอียดต่างๆ ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็นไปตามที่ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุของสถานีที่ผมรับฟังได้รายงานย่อๆไว้ทุกประการ
โดยเป็นมติของ คณะกรรมการธุรกรรม ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ที่ได้มอบหมายให้พนักงานไปดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการตรวจสอบเส้นทางการเงิน จนพบหลักฐานชัดเจน จึงมีมติให้ยึดทรัพย์เอาไว้ดังกล่าว
พร้อมทั้งมีมติให้สำนักงาน ปปง.ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงาน สอบสวน เพื่อดำเนินคดีทางอาญาอันเกิดจากการกระทำผิดในฐานฟอกเงิน และมีพฤติกรรมทุจริตคิดมิชอบอีกทางหนึ่งด้วย
รายละเอียดต่างๆคงจะปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ไปเรียบร้อยแล้ว
ท่านผู้อ่านคงจำได้ว่า คดีนี้เป็นคดีที่นำความหดหู่มาสู่คนไทยที่ติดตามข่าวนี้เป็นที่สุด เพราะเป็นการเบียดบังเงินช่วยเหลือคนจน หรือผู้ยากไร้ต่างๆอย่างไม่สมควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
ลำพังการโกงกินเงินหลวงทั่วๆไปจากโครงการจัดซื้อ จัดจ้าง หรือการก่อสร้างอะไรต่างๆก็น่ารังเกียจพออยู่แล้ว
แต่กรณีนี้น่ารังเกียจยิ่งกว่า เพราะเป็นการเบียดบังเงินสำหรับที่จะนำไปช่วยเหลือคนยากจนข้นแค้นของประเทศ อันจะเป็นผลให้คนยากไร้เหล่านั้นยังคงยากไร้ต่อไป หรือมิได้บรรเทาลงเลย เพราะมิได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด
นอกจากคดีนี้แล้ว ในช่วงนี้เรายังได้ยินคดีที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นอีกหลายๆคดี เช่น กรณีของกระทรวงศึกษาธิการที่มีการเบียดบังเงินช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเขียวทางภาคเหนือ มาจนถึงการเบียดบังค่าอาหารกลางวันเด็กในหลายๆรูปแบบ รวมทั้งกรณีขนมจีนคลุกน้ำปลา เป็นต้น
ล้วนเป็นกรณีหรือคดีที่อ่านแล้วสะเทือนใจทั้งสิ้น เพราะสะท้อนถึงการเบียดบังและการเอารัดเอาเปรียบเด็กยากจน เช่นเดียวกับกรณีอมเงินช่วยเหลือคนจนนั่นเอง
ขณะเดียวกัน ถ้าเรานำข่าวกรณีจับพระชั้นผู้ใหญ่หลายๆรูปหลายวัด ที่เป็นข่าวหน้า 1 มาพิจารณาด้วยก็จะพบว่าเป็นข่าวในเรื่องของการทุจริตคิดมิชอบ โดยการนำเงินหลวงไปใช้ผิดประเภท หรือยักย้ายถ่ายเทไปเข้ากระเป๋าตนเอง หรือญาติโยมคนสนิทนั่นเอง
ประมวลข่าวทั้งหมดทั้งมวลเข้าด้วยกันแล้ว แม้จะบังเกิดความหดหู่และสลดใจในบางเรื่องบางกรณี เพราะนึกไม่ถึงว่าจะมีการโกงกินในลักษณะนี้เกิดขึ้น
แต่โดยรวมแล้วต้องถือเป็นนิมิตหมายที่ดีของการเอาจริงเอาจังเรื่องปราบคอร์รัปชันของหน่วยที่รับผิดชอบต่างๆในบ้านเรา
การรณรงค์ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน หรือเครือข่ายต่างๆที่ดำเนินมา แม้จะเป็นเรื่องที่ดี สามารถสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่คนรุ่นใหม่ได้จำนวนไม่น้อย แต่ถ้าหากผู้กระทำผิดยังคงลอยนวลอยู่ ยังโกงกินได้อย่างมีความสุข…การรณรงค์ก็คงจะไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร
ขอปรบมือให้ทุกหน่วยงานที่ออกมาเล่นงานคนทำผิดเบียดบังเงินหลวง จนก่อให้เกิดกรณีต่างๆเต็มหน้าหนังสือพิมพ์ในทุกวันนี้
หวังว่าจะช่วยทำให้คนขี้โกงรู้จักบันยะบันยังเกรงกลัวการติดคุกติดตะรางขึ้นมาบ้าง จะเป็นผลดีต่อการกำจัดคอร์รัปชันต่อไปอย่างแน่นอน
ขออย่างเดียวเท่านั้น หน่วยงานปราบคอร์รัปชันทั้งหลาย อย่าลูบหน้าปะจมูกเป็นอันขาด
อย่าเล่นงานเฉพาะปลาซิวปลาสร้อยเท่านั้นนะครับ พวกปลาใหญ่ๆมีอิทธิพล มีตำแหน่งสูงๆก็ต้องจัดการด้วยเหมือนกัน.
“ซูม”