ภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ

ผมได้รับเชิญจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคณะทำงานจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ให้ไปชมภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติรอบปฐม-ทัศน์ ณ โรงละครอักษรา ถนนรางน้ำ ในวันเสาร์ ที่ 4 ธันวาคม

ดูเงื่อนเวลาแล้วผมคงจะไม่สามารถนำบรรยากาศและความรู้สึกของคนดู ตลอดจนสาระสำคัญของภาพยนตร์ ซึ่งจัดสร้างขึ้นถึง 7 เรื่อง มาเขียนลงคอลัมน์ ซอกแซกประจำวันอาทิตย์นี้ได้อย่างทันท่วงทีแน่นอน

แต่ด้วยความตั้งใจที่จะเขียนถึงภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติและตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเขียนในคอลัมน์ ซอกแซกวันอาทิตย์ เพราะตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม 2553 อันเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา

ผมจึงติดต่อกลับไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ ขอข้อมูลขอรายละเอียดเบื้องหน้าเบื้องหลังที่เกี่ยวกับการจัดทำภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อให้ผมได้มีโอกาสเขียนถึงภาพยนตร์ชุดนี้ตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้แต่ต้น

ไม่ถึง 1 ชั่วโมงถัดมา ผมก็ได้รับหนังสือ “เบื้องหลัง” การถ่ายทำมาเรียบร้อย

เป็นหนังสือที่จัดพิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตอย่างดี สี่สีเกือบทั้งเล่ม…บันทึกรายละเอียดเบื้องหน้าเบื้องหลัง รวมทั้งภาพถ่ายที่สำคัญๆเอาไว้อย่างครบถ้วน

ภาพยนตร์ทั้ง 7 เรื่องดังกล่าว ได้แก่ “แผ่นดินของเรา” โดย ยุทธนา มุกดาสนิท, “คนล่าเมฆ” โดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว, “เหรียญของพ่อ” โดย นนทรีย์ นิมิบุตร, “จากฟ้าสู่ดิน” โดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, “อาม่า” โดย พิง ลำพระเพลิง, “ราชประชานุเคราะห์” โดย เหมันต์ เชตมี, และ “เรื่องเดียวกัน” โดย 6 ผู้กำกับ “แฟนฉัน”

จะเห็นได้ว่าแต่ละเรื่องกำกับโดยผู้กำกับหนังไทยระดับแนวหน้าของประเทศไทยเราในยุคนี้ และแต่ละเรื่องมีความยาวเรื่องละ 30 นาที

ผมคงไม่สามารถสรุปเบื้องหลังทั้ง 7 เรื่องมาลงได้ในเนื้อที่อันจำกัดของคอลัมน์ซอกแซก

วันนี้…ขออนุญาตหยิบยกมาเป็นตัวอย่างเพียงเรื่องเดียวก็แล้วกัน

เรื่อง “แผ่นดินของเรา” ครับ…กำกับโดย ยุทธนา มุกดาสนิท ซึ่งสร้างในแบบภาพยนตร์เพลง และใช้เพลงพระราชนิพนธ์ถึง 7 เพลงในการเดินเรื่อง

ยุทธนาบอกว่า ที่เลือกทำหนังเพลงเพราะเป็นหนังที่ให้ความบันเทิงและอารมณ์ได้ครบทุกรส แม้จะสร้างยากกว่าปกติ และแพงกว่าปกติก็ตาม

ด้วยพระอัจฉริยภาพทางด้านการประพันธ์ ดนตรีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงประพันธ์ เพลงไว้ถึงกว่า 40 เพลง และหลายๆเพลงก็สามารถนำมาสะท้อนถึงพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนของพระองค์ท่านได้อย่างลึกซึ้ง

ยุทธนาจึงเลือกมาทั้งสิ้น 7 เพลง ที่สอดคล้องกับพระมหากรุณาธิคุณ ดังบทย่อของภาพยนตร์ที่ผมขออนุญาตสรุปจากบทสรุปดังต่อไปนี้

ตอนที่หนึ่ง : ใกล้รุ่ง

หญิงสาวชาวไร่ (มีเรีย เบเนเด็ตตี้) และชายหนุ่มบ้านเดียวกัน (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) มีชีวิตประสาชาวบ้านอันสงบสุข ณ ท้องทุ่งห่างไกล ทั้งคู่ เกี้ยวพาราสีเต้นรำและร่วมกันขับร้องเพลงพระราช–นิพนธ์ “ใกล้รุ่ง” จากนั้นทั้ง 2 อาบน้ำประแป้ง เก็บดอกไม้ ชายทุ่ง เตรียมตัวรอรับขบวนเสด็จฯทางรถไฟของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะมาทรงเยี่ยมราษฎร

เมื่อพระองค์เสด็จฯ มาถึงก็ทอดพระเนตรมาทางชาวบ้านอย่างเมตตา ดนตรีบรรเลง “ยิ้มสู้” ดังขึ้นเบาๆ ขณะที่มหาดเล็กลงมารับของที่ชาวบ้านนำมาทูลเกล้าฯถวาย พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์และแย้ม พระโอษฐ์ให้ชาวบ้าน และขณะที่รถไฟพระที่นั่งเคลื่อนออก ชาวบ้านนั่งมองตามอย่างปีติจนไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้

ตอนที่สอง : ลมหนาว

เป็นเรื่องราวของชาวไทยภูเขาบนดอยที่เลิกปลูกฝิ่นหันมาปลูกพืชเมืองหนาวตามแนวทางพระราชดำริฯ หนุ่มชาวเขาผู้หนึ่งมีชีวิตใหม่ที่เป็นสุข (สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว) ปลูกผัก ทำไร่ ในขณะที่คนรักของเขาก็เก็บดอกไม้จากโครงการหลวง พลางร้องเพลง “ลมหนาว” ท่ามกลางบรรยากาศอันสวยงาม

ตอนที่สาม : ค่ำแล้ว

อาทิตย์อัสดง ณ หมู่บ้านอันยากไร้และแห้งแล้งแห่งหนึ่งบนแผ่นดินอีสาน แม่ (สุนารี ราชสีมา) คนหนึ่งซึ่งมีลูก 4 คน และยังท้องอีก 1 คน ทุกข์ระทมจากความแร้นแค้น สามีของเธอจากบ้านไปหางานทำในเมือง เธอร้องเพลง “ค่ำแล้ว” เพื่อกล่อมลูกๆนอน แต่แล้ววันหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จฯมาเยี่ยม และทรงครุ่นคิดหาทางช่วยเหลือ ในที่สุดปรากฏเป็นแผนภูมิโครงการฝนหลวง

ตอนที่สี่ : สายฝน

ผืนดินอีสานแห่งเดิมกลับมาฉ่ำน้ำอีกครั้ง หลังจากโครงการฝนหลวง ข้าวงอกงาม สามีและภรรยาได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง ชาวบ้านออกมาจับกบ เขียด และปลา ที่กลับคืนท้องนาดังเดิม ทั้งหมดร่วมกันร้องเพลง “สายฝน” อย่างเป็นสุข

ตอนที่ห้า : Oh I Say

กลุ่มนักเต้นสตรีทแดนซ์ (สวมชุดแดง) นัดรวมตัวเพื่อเต้นแข่งกับกลุ่มนักเต้นฮิพฮอพ (ชุดสีเหลือง) จากเต้นแข่ง ทำท่าจะวิวาท แต่แล้วก็มองเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงทรงแซ็กโซโฟน และเห็นผู้แต่งกายหลากสีสันร้องเพลง Oh I Say ร่วมกันอย่างสามัคคี กลุ่มนักเต้น 2 สี จึงเลิกทะเลาะกัน

ฉากส่งท้าย : แผ่นดินของเรา

ชายหนุ่ม (ธงไชย แมคอินไตย์) เข็นรถเข็นให้เด็กหญิงพิการ และก้มลงร้องเพลง “แผ่นดินของเรา” ให้เด็กหญิงฟัง…เด็กหญิงหลับตาลงจินตนาการ

เห็นกรุงเทพฯ เห็นป่าไม้ เห็นภูเขาลำเนาไพร เห็นท้องนา โบราณสถาน…ตัวละครในฉากแรกๆ ทุกคนกลับมาอีกครั้งใน พ.ศ.2553 ด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนไปตามวัย ต่างถือเทียนและช่อดอกไม้มุ่งตรงมาถวายพระพรด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จออก…ทรงโบกพระหัตถ์ แย้มพระโอษฐ์ให้มหาชน ผู้เข้าเฝ้าต่างปีติ บ้างก้มลงกราบ, เสียงถวายพระพรสนั่นไปทั่ว โคมลอยนับแสนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า…กล้องทิลล์ตามไปบนท้องฟ้า เห็นดาวระยับหน้าทางช้างเผือก เปล่งแสงประกายอ่านได้ว่า “ทรงพระเจริญ”

ครับ อย่างที่ผมบอกแล้วว่า ตัวอย่างของภาพยนตร์เรื่องแรกเพียงเรื่องเดียว ก็ทำให้เราอยากชมทั้งหมดจนครบ 7 เรื่อง

ผมเข้าใจว่า ณ วันนี้ VCD จำนวน 5 ล้านชุด คงพร้อมแล้วที่จะแจกจ่ายแก่ประชาชน โปรดติดต่อขอรับได้ตามสถานที่ หรือหน่วยงาน หรือองค์กรตามที่ทางราชการจะแจ้งให้ทราบต่อไป

สำหรับค่ำวันนี้ (5 ธ.ค. เวลา 19.29 น.) เป็นค่ำคืนที่มีความสำคัญสูงสุดสำหรับพวกเราชาวไทย… ใครอยู่ใกล้สถานที่จัดงาน ณ ที่ใด ขอให้ไปร่วม ณ ที่ แห่งนั้น เพื่อร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยพร้อมๆกันทั่วประเทศ

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

“ซูม”