คืนแรกในมอสโก

สัปดาห์นี้เรามาเที่ยวรัสเซียกันต่อนะครับ หลังจากสัปดาห์ที่แล้วเรายกเนื้อที่ให้กับโขนพระราชทานชุด “พิเภกสวามิภักดิ์” ไปก่อน เนื่องจากเป็นโขนที่น่าดูชมมากๆ อลังการทั้งฉากและเครื่องแต่งกาย เกรงว่าเขียนแนะนำชักช้าแฟนๆ โขนจะไปดูไม่ทัน

ขอทบทวนความทรงจำย้อนหลัง กลับไปสัปดาห์ก่อนหน้าโน้นสักนิดนะครับ ที่เราว่ากันถึงเมือง เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมืองหลวงเก่าอีกเมืองของรัสเซีย ซึ่งยังคงรักษาความยิ่งใหญ่ และความงดงามเอาไว้อย่างครบถ้วน

ความจริงก็ยังมีอีกหลายๆ ประเด็นที่ตั้งใจจะเขียนถึง แต่ลีลาการเขียนยุคใหม่เขาบอกว่าต้องไปเร็ว มาเร็ว เพราะฉะนั้นจึงขอจบเรื่องเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไว้เพียงเท่านั้นก่อนเพื่อตัดภาพไปยัง “กรุงมอสโก” เมืองหลวงที่เก่ากว่า ซึ่งได้กลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่งในยุคคอมมิวนิสต์ขึ้นครองอำนาจ เมื่อ ค.ศ.1918 ครบ 100 ปีในปีนี้พอดิบพอดี

จาก เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หัวหน้าทีมซอกแซกและคณะเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูง คล้ายๆ รถไฟหัวกระสุนบูลเลตเทรนของญี่ปุ่น ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง สำหรับระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร เท่าๆ จากเชียงใหม่ลงมากรุงเทพฯบ้านเรา…ถือว่าทำเวลาได้ดีพอสมควร

เสียดายที่นั่งหลับมาตลอดทาง เพราะความอ่อนเพลีย เลยไม่ได้เห็นอะไรมากนัก นอกจากหมู่บ้านบางหมู่บ้านในชนบท ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าใช้วัสดุอย่างประหยัด เน้นการอยู่อาศัยและป้องกันความหนาวเป็นหลัก จึงไม่สวยงามโดดเด่นเตะตาเหมือนหมู่บ้านในยุโรป หรืออเมริกา

แต่เมื่อใกล้ถึงมอสโก ความรู้สึกจะค่อยๆ เปลี่ยนไป เมื่อเริ่มเห็นสภาพของตัวเมืองซึ่งเริ่มมีตึกรามทั้งเก่าใหม่ที่แม้จะดูสีทึมๆ เป็นส่วนมาก แต่ก็มีความยิ่งใหญ่ และมีความคลาสสิกสมกับเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศที่เคยเป็นผู้นำของโลกคอมมิวนิสต์ เมื่อ 40-50 ปีก่อนโน้น

โดยเฉพาะสถานีรถไฟมอสโก ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ 174 ปีที่แล้ว ในยุคสมัย พระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 1 ก็สร้างขึ้นเพื่อจะเชื่อมมอสโกกับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กนี่แหละ…เห็นแล้วก็อดทึ่งเสียมิได้ เพราะเขายังคงรักษาความเก่าแก่เอาไว้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะโครงสร้างภายนอกของอาคารสถานีที่ยังเก็บของเดิมไว้แทบทุกกระเบียดนิ้ว

เยื้องๆ สถานีรถไฟมอสโกนั้นเอง เป็นที่ตั้ง ของตึกสูงปลายแหลมตึกหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นโรงแรมในเครือฮิลตัน มีชื่อเรียกอย่างเต็มยศว่า ฮิลตัน มอสโก เลนิน-กราดสกายา มองเห็นโดดเด่นแต่ไกล

คณะของเรามีโอกาสแวะไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรมแห่งนี้ จากการจัดของ ชัยทัวร์ ซึ่งเป็นอาหารสไตล์รัสเซียที่ปรุงได้อร่อยมาก แต่ที่สำคัญจนต้องจดบันทึกไว้ก็คือเรื่องราวและความเป็นมาของตัวอาคารโรงแรมนั่นเอง

นี่คืออาคารสูงปลายแหลมที่สร้างขึ้นทั้งหมด 7 แห่ง ในยุคที่ โจเซฟ สตาลิน ขึ้นครองอำนาจในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และมองว่า กรุงมอสโก ยังไม่มีตึกสูงๆ กับเขาเลย

จึงไม่โดดเด่นเป็นสง่าเหมือน มหานครนิวยอร์ก ของประเทศทุนนิยมคู่แข่งอย่างสหรัฐอเมริกา

ผู้นำสตาลินจึงริเริ่มโครงการสร้างตึกสูงในสไตล์ปลายแหลมหรือสไตล์กอธิคแบบโบราณขึ้น 8 แห่ง แต่สร้างเสร็จ 7 แห่ง กระจายอยู่ในส่วน ต่างๆ ของมอสโก

ต่อมาตึกเหล่านี้ได้รับการขนานนามว่า “7 ซิสเตอร์ส” หรือ “พี่น้องทั้ง 7” เริ่มสร้างในปี 1947-48 แล้วเสร็จในปี 1952-53 โดยมีตึกของโรงแรมฮิลตันเป็น 1 ใน 7 พี่น้องนี้ด้วย

ส่วนอีก 6 ตึกที่เหลือปัจจุบันเท่าที่จำได้ รัฐบาลรัสเซียนำมาใช้เป็นที่ทำการกระทรวงการต่างประเทศหนึ่งตึก, มหาวิทยาลัยมอสโกหนึ่งตึก ส่วนตึกอื่นๆ จำไม่ได้แล้วว่าใช้ทำอะไรบ้าง ทราบแต่ว่ากระจัดกระจายกันอยู่ทั่วมอสโกนั่นเอง

จากอาหารกลางวันที่โรงแรมฮิลตัน มอสโก ไกด์ชวนพวกเราไปที่ตลาด Izmailovsky Market ซึ่งเป็นแหล่งขายของที่ระลึกราคาถูก ออกแบบคล้ายๆ สวนจตุจักรบ้านเรา มีทั้งเสื้อผ้า ภาพวาด ตลอดจนเครื่องประดับประดาอีกมากมาย และที่ขาดไม่ได้ก็คือ ของที่ระลึกสัญลักษณ์รัสเซียที่เรียกกันว่า “ตุ๊กตาลูกดก”

ตุ๊กตาลูกดกที่ว่านี้ก็คือ ตุ๊กตาหุ่นป้อมๆ ข้างในกลวงๆ และมีตุ๊กตาแบบเดียวกัน แต่คนละขนาด ซ้อนๆ ซุกกันอยู่ สามารถแกะออกมาได้เป็นโหลๆ จึงเรียกว่าตุ๊กตาลูกดก

เข้าใจว่าคนไทยคงจะมาเที่ยวที่นี่มากพอสมควร สังเกตได้จากพ่อค้าแม่ค้าทักทายเป็นภาษาไทยอย่างคล่องแคล่ว แถมที่ร้านขายของที่ระลึกหลายร้านยังมีตุ๊กตาลูกดกเป็นรูปหน้านายกรัฐมนตรีไทย พลเอกประยุทธ์ จันทร์-โอชา วางขายอยู่ด้วย

เมื่อเปิดตุ๊กตาตัวนอกซึ่งเป็นพลเอกประยุทธ์ออกจะมีตุ๊กตาตัวในเป็นหน้านายกรัฐมนตรีไทยอีกหลายคน รวมทั้ง คุณทักษิณ ชินวัตร คุณสมัคร สุนทรเวช และ ฯลฯ ไอเดียเก๋ไก๋จริงๆ

เห็นตอนแรกก็อยากจะซื้อมาฝากพรรคพวกทีมข่าวการเมืองไทยรัฐสักชุดหนึ่ง แต่ถามราคาดูแล้วไม่ถูกอย่างที่คิดไว้ ก็เลยไม่มีใครซื้อ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเราหรือคนไทยอีกกลุ่มใหญ่ๆ ที่ไปเที่ยวในเวลาเดียวกัน

ช่วงค่ำคณะของเราเข้าพักนอนที่โรงแรม Kempinsky ใกล้ๆ กับ แม่น้ำมอสโก และใกล้ๆกับ จัตุรัสแดง (Red Square) และ มหาวิหารเซนต์บาซิล ที่มีลักษณะคล้ายๆสุเหร่าที่เราเห็นบ่อยๆ ตอนถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 เพราะเป็นสัญลักษณ์ประการหนึ่งของมอสโก

หัวหน้าทีมซอกแซกมองเห็นมหาวิหารเซนต์บาซิลอยู่ใกล้ๆ ตอนออกมาเดินเล่นหน้าโรงแรมในช่วงเช้า ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นราวๆ 6 องศาเซลเซียส ถึงได้รู้ว่านี่เรามานอนในใจกลางของมอสโกเลยนะเนี่ย

เพราะพระราชวังเครมลินอันยิ่งใหญ่ที่ก่อสร้างมายาวนานกว่า 800 ปี ที่ไม่ว่าใครมารัสเซียก็จะต้องไปเยี่ยมเยียนนั้นตั้งอยู่ด้านหลังของจัตุรัสแดง และมหาวิหารเซนต์บาซิลนั่นเอง.

“ซูม”