ขอบคุณ “น้ำทิพย์” ชโลมใจ กองทัพไทย “พิชิต” เนิน 350

ปิดฉากรูดม่านไปเรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับการแข่งขันกีฬา “ซีเกมส์ครั้งที่ 33” หรือ “ซีเกมส์ 2025” ที่ไทยเราขันอาสาเป็นเจ้าภาพ และสามารถคว้าตำแหน่ง “เจ้าเหรียญทอง” มาครองได้สมดังที่ตั้งความหวังเอาไว้

โดยเฉพาะเหรียญทอง…เราได้มากถึง 233 เหรียญทอง มากที่สุดในประวัติศาสตร์การแข่งขันซีเกมส์ ซึ่งล่าสุด เวียดนาม ทำไว้ 205 เหรียญทอง เมื่อปี 2022 ถือเป็นการทวงบัลลังก์ หมายเลข 1 ของซีเกมส์กลับคืนมาได้อีกครั้งในรอบ 10 ปี

หลังจากได้ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2015 ที่สิงคโปร์กีฬาที่พลาดเป้าหมายไปอย่างเหลือเชื่อ ได้แก่ กีฬาฟุตบอลกับ ฟุตซอล ภายใต้การดูแลของสมาคมฟุตบอลนั่นแหละ ทั้งประเภทชาย ประเภทหญิง รวม 4 เหรียญทอง…ไทยเรา “ชวด” หมด

ตะกร้อ ก็พลาดไปเยอะ แต่ผมก็เคยเขียนปลอบใจเอาไว้แล้วว่า กติกาที่ใช้แข่งขันในซีเกมส์นั้นเป็นกติกาและวิธีการเล่นที่ถนัดของมาเลเซีย ไม่ใช่ของไทย…แพ้บ้างชนะบ้าง อย่าไปคิดอะไรมาก

ส่วนกีฬาอื่นๆ ที่ได้รับคำชื่นชมก็มีทั้งกรีฑา, ยกน้ำหนัก, เทควันโด, ว่ายนํ้า ฯลฯ โดยเฉพาะกรีฑาการวิ่ง 100 เมตร ได้ 9.94 วินาที ของ “บิว” ภูริพล บุญสอน ถือเป็นสถิติใหม่ของอาเซียน

มีอยู่เพียงกีฬาเดียวที่น่าอับอาย และฉาวโฉ่ไปทั้งอาเซียน อาจจะทั่วเอเชีย และทั่วโลกด้วย เพราะระยะหลังๆ กีฬาประเภทนี้มีคนติดตามแยะ ได้แก่ กีฬา E-Sports ที่นักกีฬาหญิงของเราคนหนึ่งถูกจับได้ว่า “โกง” คือ ให้คนอื่นเล่นแทนตัวเองอยู่หลังฉาก

นอกนั้นแล้วก็ต้องแสดงความชื่นชมกับสมาคมกีฬา และนักกีฬาต่างๆ ที่พยายามต่อสู้อย่างเต็มที่แล้ว

แต่ที่ “ดราม่า” สุดๆ มีเรื่องติติงมีเรื่องวิพากษ์วิจารณ์กันได้ทุกวัน ก็เห็นจะเป็น “ฝ่ายจัดการแข่งขัน” นั่นเอง เริ่มตั้งแต่ พิธีเปิด ซึ่งโดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

มาจนถึงพิธีปิดเมื่อวันเสาร์ก็ยังมีเสียงวิจารณ์อีกว่า “บ่มิได้”  ไม่สามารถเรียกคะแนนคืนกลับมาได้เลย ที่สำคัญในการจัดการแข่งขันก็เกิดการผิดพลาดทุกวัน

ตั้งแต่ประกาศรายชื่อผิด, ประกาศสถิติผิด, เปิดเพลงชาติผิดบ้าง ไม่ดังบ้าง, รถรับนักกีฬาไม่พอต้องรอเป็นชั่วโมงบ้าง ฯลฯ จนโดนสื่อมวลชนเพื่อนบ้านเขียนข่าวล้อเลียนไม่เว้นแต่ละวัน

นี่แหละที่สายมูเขาถึงได้บอกว่าคนเราเวลา “ดวงตก” ก็จะตกไปเสียทุกอย่าง…

ประเทศก็เช่นกัน เมื่อดวงตก…ทำอะไรก็ตกๆ หล่นๆ เศรษฐกิจ ที่เคยมาลิ่ว จีดีพีขยายตัวร้อยละ 7 ร้อยละ 8 ก็พลอยหดลงเหลือแค่ร้อยละ 2 ร้อยละ 3 แถมปีหน้า 2569 อาจเหลือแค่ร้อยละ 1.5-1.6 เท่านั้น โอกาสไต่เต้าไปเป็นประเทศรายได้สูงลางเลือนขึ้นทุกขณะ

การเมือง บทจะเละก็เละมาตลอด 3 ปีที่ผ่านมาหลังมีการเลือกตั้งปรากฏว่าต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีไปถึง 3 คน และนี่ก็จะเลือกตั้งใหม่…จะได้ใครมาเป็นนายกฯ ยังไม่รู้? และหลังเลือกตั้งแล้วจะวุ่นวายอีกแค่ไหนก็ยังเดาไม่ถูกเช่นกัน

กีฬา ก็อย่างที่สรุปไปหมาดๆ ว่ากีฬาซีเกมส์ 2568 บริหารจัดการผิดฟอร์ม จนแทบไม่น่าเชื่อว่า ประเทศไทยจะมือตกถึงขนาดนี้โชคยังดีที่หนังสือพิมพ์ทุกฉบับและข่าวออนไลน์ทุกสำนักพาดหัวข่าวเมื่อวานนี้เอาไว้อย่างน่าชื่นใจข่าวหนึ่ง โดยเฉพาะไทยรัฐ

นอกจากพาดหัวแล้วยังโปรยข่าวหน้า 1 ไว้ดังนี้ “กองทัพประกาศทวงแผ่นดินไทยกลับคืนได้สำเร็จรวด ทั้งช่องอานม้า-เนิน 350-ปราสาทตาควาย-บ้านท่าเส้น-บ่อนทมอดา-หลังส่งบินรบ F-16 ถล่มเส้นทางลำเลียงอาวุธกัมพูชาพร้อมกันหลายจุดจนราบคาบ

รวมถึงนำร่าง 2 ทหารกล้า “จ่าสำเริง-พลฯ ภานุพัฒน์ ลงจากเนิน 350 กลับคืนสู่อ้อมกอดครอบครัวได้เรียบร้อย” ครับ! อ่านแล้วก็เหมือนได้ “นํ้าทิพย์” มาชโลมใจตุ่มใหญ่ๆ ทำให้หัวใจที่ห่อเหี่ยวของคนไทยค่อยๆ แช่มชื่นฟื้นกลับคืนมาได้อีกครั้ง…

เพราะในขณะที่เราดูเหมือนจะแพ้ไปทุกสิ่งทุกอย่างนั้น… กองทัพไทยของเราก็สามารถคว้าชัยชนะมาได้ไม่ว่าศึกกัมพูชาครั้งนี้จะจบอย่างไร…ผมใส่สกอร์ล่วงหน้าไว้ก่อนเลยว่า…ครั้งนี้เราชนะครับ.

“ซูม”