เขียนขอบคุณ 2 สาว นักกีฬาไทย “จีโน่” อาฒยา ฐิติกุล และ “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ ที่ไปโชว์ฝีมือในระดับโลกได้อย่างสุดยอด นำความสุข ความสมหวัง และความปลาบปลื้มมาประโลมหัวใจ “เหี่ยวๆ” ของพวกเราชาวไทยไปเรียบร้อยแล้ว
วันนี้เรามาคุยกันถึงเรื่อง “โรคภัยไข้เจ็บ” ที่เป็นต้นเหตุให้ผมต้องเข้าโรงซ่อมสุขภาพเสียหลายวันได้ละครับ
ก่อนอื่นขอขอบคุณ “อาซิ้ม” และ “ลมกรด” น้องสาวและน้องชายจากโต๊ะข่าวหน้า 1 ไทยรัฐของผมด้วยนะครับที่มาช่วยเขียนแทน
ท่านที่ติดตามคอลัมน์นี้มาตลอดคงจะพอทราบว่าผมเป็น “คนขี้โรค” คนหนึ่ง เป็นโรคนั้นโรคนี้หลายโรค เช่น เป็นโรคหัวใจต้องไปผ่าตัด “ทำบายพาส” เส้นเลือดหัวใจมาแล้วถึง 4 เส้น แถมด้วยโรค “ต่อมลูกหมากโต” โรคที่ผู้ชายสูงอายุมักจะเป็นทำให้ต้องปัสสาวะบ่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงนอนตอนกลางคืนอาจต้องลุกขึ้นมาปลดปล่อยถึง 3-4 ครั้ง
รวมทั้ง “โรคถ่ายปนเลือด” ซึ่งผมเป็นมากว่า 30 ปีแล้ว ตั้งแต่ยังทำงานอยู่ที่สภาพัฒน์ เดินสายไปต่างจังหวัดบ่อยๆ วันหนึ่งไปถ่ายแบบเลือดโกรกโถส้วมโรงแรมจนแดงฉานไปหมด เห็นแล้วก็ตกใจต้องรีบไปพบหมอที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด จำไม่ได้แล้วว่าจังหวัดไหน แต่น่าจะเป็นแถวๆ ภาคเหนือ
เผอิญครั้งแรกเลือดหยุดเร็ว ตอนไปพบหมอท่านก็บอกว่าอาจเป็นเพราะโรคริดสีดวงทวารหรือเพราะโรค “ติ่งเนื้อ” ในลำไส้ใหญ่ หรือเกิดบาดแผลในกระเพาะ หรือ ฯลฯ แนะนำให้ผมไปตรวจละเอียดกับแพทย์ที่เชี่ยวชาญโรคนี้ทันทีเมื่อกลับกรุงเทพฯ
ซึ่งผมก็ไม่ชักช้า พอกลับถึง กทม. วันรุ่งขึ้นก็ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และนัดหมายส่องกล้องทันที ผลปรากฏว่าพบ “ติ่งเนื้อ” หรือ Polyps ที่งอกขึ้นในลำไส้ใหญ่ของผมหลายติ่ง รวมทั้งติ่งที่น่าจะเพิ่งแตกจนเป็นเหตุให้ผมต้องหลั่งเลือดชะโลมอุจจาระครั้งใหญ่ดังกล่าว
คุณหมอที่จุฬาฯ ท่านบอกว่าท่านตัดออกหมดทุกติ่งแล้ว ระหว่างส่องกล้องและส่งชิ้นเนื้อที่ตัดไปวิเคราะห์แล้วว่าจะเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ พร้อมกับนัดผมไปฟังผลอีก 1 สัปดาห์ให้หลัง ปรากฏว่าผลออกมาในแง่เป็นบุญแก่ผมคือ ไม่ใช่เนื้อร้ายใดๆ
จากนั้นมาราวๆ 6 หรือ 7 ปีเห็นจะได้ ผมก็กลับมาเป็นอีกครั้ง ซึ่งก็ต้องไปส่องกล้องและตรวจสอบ “ติ่งเนื้อ” ซึ่งมักจะงอกขึ้นมาอีกแม้จะโดนตัดไปแล้วก็ตาม โดยเปลี่ยนมารักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี
ซึ่งก็ยังโชคดีเพราะทุกครั้งที่มีอาการถ่ายปนเลือดแล้วไปส่องกล้อง ผลการวินิจฉัยติ่งเนื้อของผมยังออกมาในแง่ดี ไม่มีสัญญาณที่จะเป็นเนื้อร้ายแต่อย่างใด
สำหรับครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันพุธที่ผ่านมานี่เอง ปรากฏว่าถ่ายมากกว่าทุกครั้งและมีเลือดปนออกมาทุกครั้ง จึงตัดสินใจไปแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งหลังจากดูอาการแล้วคุณหมอฉุกเฉินก็รับตัวผมไว้และส่งให้คุณหมอ ปิติโชติ หิรัญเทพ ที่ดูแลผมมาตลอดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้เป็นผู้ดูแลรักษาต่อไป
เหตุที่ครั้งนี้ผมถ่ายมากกว่าทุกครั้งและเลือดไหลไม่หยุดนานกว่าครั้งก่อนๆ ก็เพราะผมเคยผ่าตัดหัวใจมาแล้วนั่นเอง ต้องรับประทานยาละลายลิ่มเลือดเป็นประจำส่งผลให้เลือดออกง่ายและมักจะหยุดช้าเมื่อเวลามีบาดแผล
บทสรุปก็คือเท่าที่ฟังจากคุณหมอมาแล้วหลายท่านโรคถ่ายปนเลือดนั้นมีหลายสาเหตุและสาเหตุจาก “ติ่งเนื้อ” สำไส้ใหญ่แตกปริอย่างที่ผมเป็นก็เป็นเหตุใหญ่เหตุหนึ่ง
เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดอาการถ่ายปนเลือดคราใดขอให้ไปปรึกษาคุณหมอครานั้น ทำใจให้ดีๆ เอาไว้ยุคนี้หมอบ้านเราที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้มีมากพอสมควร รวมทั้งที่โรงพยาบาลรามาธิบดีที่ผมฝากเนื้อ ฝากตัวและฝากไข้ในหลายๆ โรคที่กล่าวถึงข้างต้นมาแล้วกว่า 20 ปี
อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ ขอให้ท่านผู้อ่าน “อโรคยา” ทุกๆ ท่านนะครับ.
“ซูม”