จารึกไว้ในความทรงจำ “ไทย-ภูฏาน” บ้านพี่เมืองน้อง

ในท่ามกลางกระแสข่าวจากสื่อมวลชนทุกแขนง โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ หรือโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ทั้งข่าวในระดับโลกและในประเทศเราเอง ตลอด 2–3 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น

มีข่าวอยู่ข่าวหนึ่งที่คนไทยติดตามด้วยความชื่นชม ด้วยความปลาบปลื้มและด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก เปรียบเสมือน “น้ำทิพย์” มาช่วยชโลมใจ ทำให้ความรู้สึกที่ท้อแท้ผิดหวัง ห่วงกังวล สารพัดสาระเพคลี่คลายลงไปได้มากพอสมควร

ได้แก่ ข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 25-28 เมษายน รวมทั้งสิ้น 4 วันที่ผมเชื่อว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยจะติดตามข่าวนี้ทั่วทั้งประเทศ

สำหรับผมเองนั้นรู้สึกประทับใจนับตั้งแต่วันแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จไปถึงและทรงขับเครื่องบินพระที่นั่งโบอิ้ง 737-800 ด้วยพระองค์เอง ลงสู่สนามบินนานาชาติ พาโร ของภูฏาน ที่ได้ชื่อว่าเป็นสนามบิน ที่ลงยากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

มีการเผยแพร่ภาพเครื่องบินพระที่นั่งค่อยๆร่อนลงในหุบเขา รอบๆสนามบินก่อนจะแตะพื้นอย่างนิ่มนวล ผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยมีพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินี เจจุน ปัทมา วังชุก มาถวายการต้อนรับอย่างอบอุ่น

จากนั้นก็เป็นรายงานข่าวเกี่ยวกับพระราชพิธีต้อนรับที่ยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ พร้อมด้วยการเชิญเสด็จเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทั้งทางศาสนา และการพัฒนาต่างๆของภูฏาน โดยมีกษัตริย์จิกมี และพระราชินีของท่านเสด็จร่วมไปด้วยอย่างใกล้ชิด

พวกเราชาวไทยที่ติดตามดูข่าวก็พลอยตื่นตาตื่นใจไปด้วยกับวัฒนธรรมประเพณีที่หาดูชมไม่ได้ง่ายๆนักของชาวภูฏาน

จนมาถึงภาพในวันเสด็จฯกลับที่ผมเองกราบเรียนตรงๆ พอเห็นจากโซเชียลทั้งที่เป็นภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวแล้วก็อดที่จะตื้นตันจนน้ำตาไหลเอ่อมาจ่อจนเกือบจะหลั่งไหลออกมาอยู่หลายครั้ง

ได้แก่ภาพที่พระมหากษัตริย์และพระราชินีแห่งภูฏานเสด็จฯไปทรงยืนส่งเสด็จที่บริเวณลานหญ้าข้างๆ สนามบินเพียง 2 พระองค์

พร้อมกับโบกพระหัตถ์ให้แก่เครื่องบินพระที่นั่งที่พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงขับเคลื่อนไปตามรันเวย์ก่อนเหินขึ้นสู่ท้องฟ้า

ขออนุญาตใช้ภาษาชาวบ้านบรรยายว่านี่คือภาพที่แสดงถึงความรักความเคารพและความนับถือที่พระมหากษัตริย์ และพระราชินีของเขามีต่อพระมหากษัตริย์และพระราชินีของเราอย่างแท้จริง

ในบางช่วงผมเห็นสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏานทรงใช้พระหัตถ์แตะบริเวณพระเนตรของพระองค์ท่านอย่างรวดเร็วด้วย ซึ่งก็เป็นกิริยาหรือความรู้สึกที่มักจะเกิดขึ้นแก่คนไทยเราเองในเวลาที่เดินทางไปส่งญาติผู้ใหญ่ตามสนามบินหรือท่าเรือต่างๆ

รวมทั้งก็เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเวลาบุคคลที่เรารักเคารพแวะมาเยี่ยมเรา (ขณะเราเรียนหนังสืออยู่ ณ จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง หรือประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือทำงานอยู่ที่ใดที่หนึ่งในต่างจังหวัดหรือในต่างประเทศ) แล้วจะเดินทางกลับนั่นเอง

นี่คือวินาทีแห่งความประทับใจที่ผมถือว่าเป็น “ไฮไลต์” ที่สุดของการเสด็จเยือน ภูฏาน ประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งของโลก ประเทศที่อยู่ห่างไกลลิบโลก และมีรายได้ต่อหัวเฉลี่ยอยู่ในอันดับค่อนข้างไปทางท้ายๆของโลก

แต่น้ำพระทัยของพระมหากษัตริย์ของเขาและน้ำใจของประชาชนประมาณ 700,000 คนเศษของประเทศนี้ยิ่งใหญ่และน่านับถือยิ่งนัก

ผมขออนุญาตบันทึกไว้นะครับ เพราะผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่ได้ดูได้ชมภาพนี้คงจะมีความรู้สึกเหมือนผม…คือรู้สึกตื้นตันใจว่า ยังมีประเทศอีกประเทศหนึ่งในโลกนี้ที่รักเราจริง.

“ซูม”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีเสด็จเยือนภูฏาน ภาพแสดงสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างราชวงศ์ไทยและราชวงศ์ภูฏาน