อุตส่าห์ซ้อมเสียงตะโกน “สู้สู้ สู้ตาย” อยู่หลายวันเพื่อจะเชียร์ทีม “ไทยแลนด์” ภายใต้การนำของกัปตัน “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่มีกำหนดจะลงสนามเจรจากับทีมยูเอสเอของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันพุธที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา
ที่ไหนได้…กลายเป็น “ซ้อมค้าง” ไปเรียบร้อย เมื่อมีข่าวว่าการเจรจาครั้งนี้จะต้องเลื่อนออกไปก่อนอย่างไม่มีกำหนด
ท่านรองพิชัย หัวหน้าทีมเจรจาฝ่ายไทย บอกกับนักข่าวว่า “มีการขยับกำหนดเวลาไปเยือนสหรัฐฯจากเดิม เพื่อหารือเพิ่มเติมให้เกิดความชัดเจนที่สุด…แต่อย่างไรก็ตามระดับปฏิบัติการไม่ได้หยุดนะครับ ยังทำงานคู่ขนานกันไปเรื่อยๆ ระหว่างคณะทำงานทั้งชุดที่ไปอยู่ที่โน่นและชุดที่ยังอยู่บ้านเรา…
เราต้องจัดหาข้อมูลและเตรียมประเด็นการหารือให้ครบถ้วนรอบด้านเพื่อนำไปสู่การเจรจาหารือระดับสูง เพื่อให้วินวินด้วยกันระหว่างเขากับเรา”
ฟังแล้วก็เบาใจขึ้น…อย่างที่ท่านบอก เรามีเวลา 90 วัน มาถึงตอนนี้ยังเหลืออีกประมาณ 70 วัน และที่ผ่านมา สหรัฐฯก็ยังเจรจาได้ไม่กี่ประเทศ และไม่มีข้อตกลงที่เป็นชิ้นเป็นอันเกิดขึ้น… เพราะฉะนั้น หากของเราจะเลื่อนไปอีกหน่อย ผมก็ว่าดีเหมือนกัน
นึกถึงเราตอนสมัครงานแล้วถูกเรียกตัวไปสอบสัมภาษณ์…เราจะไม่อยากเป็นคนแรกๆ เพราะนึกไม่ออกว่าจะโดนถามอะไรบ้าง ทุกคนมักจะอยากเป็นคนหลังๆมากกว่า อย่างน้อยก็พอจะรู้แนวทางคำถามจากคนแรกๆ ที่เข้าไปสอบก่อนเรา
ระหว่างเตรียมตัวเจรจากับสหรัฐฯอยู่นี้เอง ก็มีรายงานการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกปีนี้ ล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ออกมาพอดิบพอดี มาดูกันเสียหน่อยก็ดีเหมือนกันว่าไอเอ็มเอฟเขามองอย่างไรบ้าง
ไอเอ็มเอฟคาดว่าจากที่เห็นและเป็นอยู่ขณะนี้ การขยายตัวของจีดีพีโลกปีนี้จะอยู่ที่ 2.8 เปอร์เซ็นต์ ลดลงจากที่คาดไว้เมื่อเดือนมกราคม 3.3 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 0.5 เปอร์เซ็นต์
สหรัฐฯ จะเพิ่มในอัตรา 1.8 เปอร์เซ็นต์ ลดจากที่คาดไว้ว่าจะเพิ่ม 2.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อต้นปี และ สหราชอาณาจักร ก็จะเพิ่มในอัตราร้อยละ 1.1 ลดจากร้อยละ 1.6 ที่คาดไว้
ญี่ปุ่น ก็เช่นกัน จะลดจาก 1.1 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 0.6 เปอร์เซ็นต์ ส่วน จีน นั้น ก็จะลดจากร้อยละ 4.6 เหลือร้อยละ 4 ถ้วน
สำหรับไทยเรา ไอเอ็มเอฟคาดว่าจะขยายตัวปีนี้ประมาณร้อยละ 1.8 ก็ถือว่าลดเยอะพอสมควร (จำไม่ได้ว่าไอเอ็มเอฟคาดไว้เท่าไร แต่เทียบกับ สภาพัฒน์ ที่คาดไว้ 2.8 ก็ต้องถือว่าลดมากเอาการอยู่)
อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายรายมองว่า ไอเอ็มเอฟ ค่อนข้างจะมองโลกในแง่ดีที่ยังให้อัตราเพิ่มจีดีพีของโลกถึง 2.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อมองถึงความปั่นป่วนที่ทรัมป์สร้างขึ้น
แน่ละแม้จะยังเพิ่มอยู่แต่ด้วยอัตราเพิ่มที่ลดลงเช่นนี้ หลายๆ ธุรกิจคงจะต้องเผชิญกับการฝืดเคือง โดยเฉพาะการค้าขายกับต่างประเทศหรือการส่งออกต่างๆ
การเจรจาของท่านรองพิชัยกับสหรัฐฯ (ในวันไหนก็ไม่รู้ข้างหน้านี้) จึงสำคัญมาก เพราะจะส่งผลมาถึงอัตราความเจริญเติบโตของเศรษฐกิจเราโดยตรง…ขอเอาใจช่วยให้โชคดี เจรจาเป็นผลดีแก่ประเทศ และประชาชนชาวไทยมากที่สุด
แต่ก็อย่าชะล่าใจ ระวังอยู่ด้านเดียวเฉพาะทางด้านสหรัฐฯนะครับ ขอให้เตรียมตัวและระมัดระวังด้านจีนเอาไว้ด้วย
ตั้งแต่การระมัดระวังที่เขาจะทุ่มสินค้าที่ขายไม่ออกมาใส่ตลาดบ้านเรา ซึ่งน่าจะกระทบต่อ SME ของเราอย่างใหญ่หลวง
รวมทั้งระวังการแอบมาสวมสิทธิผลิตในบ้านเรา ส่งไปขาย อเมริกาด้วย เพราะ…ความลับไม่มีในโลก ถึงจะตีตรา “เมด อิน ไทยแลนด์” แต่เจ้าของเป็น “ไชน่า” อาจไม่พ้นสายตาเหยี่ยวมะริกัน
ทำไปทำมา ประเด็นหลัง คือระวังสินค้าจีนท่วมตลาดกับระวังจีนสวมสิทธิจะยากกว่าการค้าขายฝ่ากฎเหล็กของทรัมป์ เอาเสียด้วยซํ้า–ฝากด้วยนะครับ ท่านรองพิชัย!
“ซูม”