ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อเช้าตรู่วันเสาร์ที่ 5 เมษายนตามเวลาบ้านเรา หรือช่วงเย็นๆวันศุกร์ที่ 4 เมษายนตามเวลาบ้านเขา ยังคงร่วง (อย่างหนัก) ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศทั่วโลกตามที่ได้ขู่ขวัญล่วงหน้าเอาไว้
เนื่องจากอัตราใหม่ที่ทรัมป์ประกาศใช้ครั้งนี้ ค่อนข้างสูงมาก สูงกว่าที่มีการคาดการณ์เอาไว้เยอะ ตั้งแต่ร้อยละ 10 ไปจนถึงร้อยละกว่า 40 จึงทำให้เกิด “ความช็อก” เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ประเทศที่เจอในอัตราสูงเกินร้อยละ 40 มีทั้งเมียนมา, ศรีลังกา, เวียดนาม, กัมพูชาและลาว ในขณะที่ของไทยเราก็สูงถึงร้อยละ 36 เกินกว่าที่เราประเมินไว้เกือบเท่าตัว
สำหรับสาธารณรัฐประชาชนจีนคู่ปรับโดยตรงนั้น เจอเข้าไปร้อยละ 34 ดูเหมือนต่ำกว่าเราเล็กน้อย แต่นักวิเคราะห์หลายท่านบอกว่า เขาขึ้นแบบเพิ่มจากอัตราเก่าที่ขึ้นมาบ้างแล้ว จึงเท่ากับว่าจีนโดนงวดนี้ถึงร้อยละกว่า 50 หนักหนาสาหัสอย่าบอกใครเชียว
จีนจึงประกาศตั้งแต่แรกว่า จะแลกหมัดแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน และก็ทำเช่นนั้นจริง ๆ ประกาศขึ้นอัตราภาษีนำเข้าตอบโต้สหรัฐฯ เรียบร้อย
ท่านผู้อ่านคงจำได้ คุณทรัมป์ออกมาจุดชนวนระเบิดปรมาณูในทางเศรษฐกิจลูกนี้เมื่อเวลาตี 3 เช้าวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายนของประเทศไทย หรือเวลา 4 โมงเย็น วันพุธที่ 2 เมษายนตามเวลาที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หลังตลาดหุ้นของเขาปิดเรียบร้อยแล้ว
ปรากฏว่าในวันรุ่งขึ้น ซึ่งเป็นวันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายนของสหรัฐฯ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เทกระจาดร่วงกราวทันที เริ่มจากดาวโจนส์ร่วงไป 1,679 จุด เอสแอนด์พีร่วง 274 จุด และแนสแด็กก็หนักหนาสาหัส ร่วงไปถึง 1,050 จุด
ต่อมาอีกวันคือ วันศุกร์ที่ 4 เมษายน หรือเช้าวันเสาร์ที่ 5 เมษายน ดังที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็เทกระจาดต่อเป็นวันที่สอง โดยดาวโจนส์ดิ่งอีก 2,231 จุด เอสแอนด์พีดิ่ง 322 จุด และแนสแด็กก็ดิ่ง 963 จุด
ไม่เฉพาะของสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ได้เกิดภาวะตลาดหุ้นระเนน ระนาดขึ้นทั่วโลก เพราะการกระทำอย่างระห่ำเกินเหตุของคุณทรัมป์ครั้งนี้ เป็นที่วิตกว่าจะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกอย่างแน่นอน
ต่อมาเมื่อช่วงสาย ๆ วันศุกร์ที่สหรัฐฯ แต่ก็ดึกพอสมควรที่บ้านเรา ผมดูช่อง CNBC เห็นท่าน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ออกมาแถลงข่าว และในช่วงซักถาม ท่านพูดถึงข้อความประโยคสั้น ๆ ผมฟังไม่ถนัดเพราะขึ้นนอนบนเตียงแล้วกำลังเคลิ้ม ๆ…แต่ได้ยินเสียงหัวเราะดังกึกก้องจากผู้ที่ฟังอยู่รอบ ๆ
ผมก็เบาใจว่าสถานการณ์คงไม่ร้ายเกินแก้กระมัง เพราะดูท่านประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังมีอารมณ์ขัน พูดจาเรียกเสียงหัวเราะได้
ในช่วงเช้าต่อมา สำนักข่าวรายงานว่า คุณเจอโรมซึ่งออกความเห็นเกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าของคุณทรัมป์เป็นครั้งแรก เอ่ยเพียงสั้น ๆ ว่า “สูงกว่าที่คาดไว้” และยังสงวนท่าทีในการออกความเห็นถึงผลดีหรือผลเสียว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะพูดว่าผลข้างหน้าจะเป็นอย่างไร”
เป็นธรรมดาของธนาคารกลางฯ ก็ต้องระมัดระวังถ้อยคำ แต่สำหรับนักเศรษฐศาสตร์ทั่วไปดูเหมือนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “พัง” แน่ ๆ ทั้งเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจสหรัฐฯก็ด้วย ดูกันต่อไปเถอะ
ผมเองมีแนวโน้มไปในทางเชื่อว่า “พัง” แน่ ๆ รวมทั้งสหรัฐฯด้วย เพราะเริ่มต้นขึ้นมา หุ้นสหรัฐฯก็ตกอย่างมหาศาลดังที่สรุปไว้ และเมื่อเปิดตลาดมาใหม่วันจันทร์ยิ่งเดาไม่ถูกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
สำหรับของบ้านเรานั้น หนักหนาสาหัสแน่นอน แต่เขาก็ยังให้เวลาและเปิดโอกาสให้ต่อรองได้ ผมก็หวังว่าผู้เกี่ยวข้องในทุกระดับ ทั้งฝ่ายการเมือง และฝ่ายข้าราชการประจำจะร่วมมือร่วมใจเพื่อแก้ไขปัญหา และไปต่อรองกับเขาอย่างสุดความสามารถ
ขณะเดียวกัน ก็ขอภาวนาอย่าให้เหตุการณ์ครั้งนี้ร้ายแรงเกินกว่าที่โลกและประเทศไทยของเราจะรับได้เป็นอันขาด
เราเหนื่อยมามากแล้ว เจอลูกนี้เข้าอีกลูกกระอักแน่นอน กองเชียร์อย่างผมคงจะช่วยได้เพียงแค่สวดมนต์เท่านั้นละครับ.
“ซูม”

