ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา มีมติสำคัญเกี่ยวกับแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงที่น่าสนใจในทรรศนะของผมอยู่กระทรวงหนึ่ง
กระทรวงวัฒนธรรมครับ! ท่านปลัดกระทรวงปัจจุบัน ดร.ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ดำรงตำแหน่งมาครบ 4 ปี ซึ่งตามระเบียบราชการจะต้องโยกย้ายไปอยู่ในตำแหน่งอื่น เว้นเสียแต่คณะรัฐมนตรีจะมีมติให้ดำรงตำแหน่งเดิมต่อไป
ปรากฏว่าคณะรัฐมนตรีในการประชุมสัปดาห์ที่แล้วมีมติให้ท่านโยกย้ายข้ามกระทรวงไปดำรงตำแหน่ง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งว่างลงเพราะปลัดคนเก่าท่านเกษียณอายุ
ส่วนตำแหน่งปลัดกระทรวงวัฒนธรรมซึ่งจะว่างลงตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไปนั้นจะเป็นใคร? ยังต้องรอลุ้นกันต่อไปเพราะรัฐมนตรี สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่าในการประชุมครั้งนี้ท่านไม่ได้เสนอรายชื่อคนใหม่มาด้วย
เพราะอยากให้เป็นไปตามกระบวนการและใช้เวลาในการสรรหาเพื่อให้ได้บุคคลที่เหมาะสม ซึ่งท่านมีความยินดีและเปิดโอกาสให้ทั้งคนในและคนนอกกระทรวงเข้าสู่การพิจารณา
เนื่องจากงานของกระทรวงวัฒนธรรมมีงานหลายด้านหลายหน้าและหลายมิติ จึงต้องขอเวลาในการพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งให้ครบถ้วนที่สุด เพราะจะต้องทำงานกันต่อไปยาวๆ
สำหรับผมเองที่เกริ่นไว้ในตอนต้นว่าสนใจกระทรวงนี้มากก็เพราะชื่นชมและศรัทธาในศิลปวัฒนธรรมไทยของเราอย่างเข้าสายเลือดมาตั้งแต่เด็กๆ
ด้วยเหตุนี้ กระทรวงวัฒนธรรม จึงเป็นกระทรวงหนึ่งที่ผมเล็งเห็นความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม หรือแม้แต่มหาดไทยเสียด้วยซ้ำ
ใครมาเป็นปลัดกระทรวงนี้ ผมจึงแอบติดตามผลงานและแอบให้คะแนนอยู่เสมอๆ
ผมให้คะแนนท่านปลัดยุพาค่อนข้างสูงระดับ A ในหลายๆ โครงการ โดยเฉพาะโครงการกระตุ้นและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมชุมชนไทยสู่สากล (Community Cultural Product of Thailand หรือ CCPOT) ผมให้ถึง A+
อาจเป็นเพราะผมมีใจลำเอียงไปในด้านการพัฒนาชนบท ซึ่งเป็นอาชีพเก่าของผม ดังนั้น ใครที่ลงไปช่วยเหลือพัฒนาพี่น้องชาวชนบท ผมจะบวกคะแนนพิเศษให้เสมอๆ
ในความเห็นส่วนตัวของผม…ผมอยากให้ท่านดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงวัฒนธรรมต่อไปด้วยซ้ำ เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นส่วนรวมมากกว่า
แต่เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ท่านไปดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกระทรวงที่ใหญ่กว่า มีขอบเขตการปฏิบัติงาน ที่กว้างขวางกว่าเช่นนี้…ในทางราชการถือว่าเป็นการไปดีหรือได้รับ การส่งเสริมสนับสนุน…จึงขอแสดงความยินดีไว้ ณ ที่นี้
สำหรับประวัติของท่านปลัดยุพานั้นนับว่าเป็นตัวอย่างที่ดีของข้าราชการไทย ที่เริ่มต้นมาจากการเข้ารับราชการด้วยการจบการศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ ซึ่งในยุคโน้นเป็นเพียงประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงเท่านั้น ได้เงินเดือนน้อยกว่าจบปริญญาตรี
แต่ท่านก็มาขวนขวายเรียนต่อขณะทำงานจนจบปริญญาตรีสาขาเทคโนโลยีจาก มศว ประสานมิตร, ปริญญาโท MBA จากจุฬาฯ และปริญญาเอกวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตสาขาเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรมจากจุฬาฯเช่นกัน
จะมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงอยู่บ้างก็ตรงที่ว่า การย้ายข้ามห้วยในระบบราชการนั้นมักจะมีแรงต่อต้านอยู่บ้างไม่มากก็น้อย
ผมไม่แน่ใจว่ากรณีนี้จะมีหรือไม่ ถ้ามีก็ถือเป็นการพิสูจน์ฝีมือด้านบริหารจัดการของปลัดยุพาก็แล้วกันครับ ในช่วง 2 ปี ของอายุราชการที่เหลืออยู่จากนี้เป็นต้นไป.
“ซูม”