ทุกๆ ครั้งที่ทีมงานซอกแซกไปพักค้างที่ “หาดทรายแก้ว รีสอร์ต” รีสอร์ตชายทะเลบ้านกรูด อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของ คุณประกิต อภิสารธนรักษ์ เพื่อนรักร่วมรุ่นเศรษฐศาสตร์ 2503 มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์นั้น…
กิจกรรมหนึ่งที่จะต้องปฏิบัติเป็นประจำ คือ การขึ้นไปไหว้ “พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ” ณ วัดทางสาย ตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักของเราเพียง 2–3 กิโลเมตรเท่านั้น
เคยเขียนไว้บ่อยๆ ครั้ง ว่าเป็นพระมหาธาตุเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาสที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี
เป็นพระมหาธาตุเจดีย์ที่สวยมาก สวยทั้งองค์พระเจดีย์เอง และสวยเมื่อมองด้วยสายตาจากองค์พระเจดีย์ไปรอบๆ โดยเฉพาะทางด้านที่เป็นชายหาดบ้านกรูด และท้องทะเลอ่าวไทย
สวยถึงขนาดได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “อันซีน” ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และดูเหมือนจะติดอันดับต้นๆของ “อันซีน” ในพื้นที่ภาคกลางเอาด้วยซ้ำ
ไปเที่ยวนี้ หัวหน้าทีมซอกแซกก็ชวนคณะพรรค ขึ้นไปกราบพระธาตุเจดีย์และนั่งอธิษฐาน ทำใจให้สงบ ณ มุมสงบมุมหนึ่ง ที่มองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของชายหาดบ้านกรูดด้านล่าง อยู่หลายๆ นาทีเช่นที่เคยปฏิบัติมา
ก็พอดีนึกขึ้นมาได้ว่ารอบๆ ชายหาดบ้านกรูดนี้ ยังมีวัดที่ฟังๆ ดูก็เหมือนเป็นวัดของชาวบ้านโดยทั่วไปอยู่วัดหนึ่ง แต่เป็นที่กล่าวขวัญถึงในแวดวงท่องเที่ยวระดับชาติจำนวนมาก
ได้แก่ วัด “โบสถ์ไม้ตาล” หรือ “วัดอ่างสุวรรณ” (วัดหนองหอย) ตำบลอ่างทอง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เช่นกัน
จากที่พักของเราไปก็ราวๆ 30 กิโลเมตร เท่านั้น ขับรถแพล็บเดียวก็ถึง แต่เนื่องจากเมื่อไปที่ถนนใหญ่คือ ถนนเพชรเกษม แล้ว จะต้องซอกแซกลึกเข้าไปอีก ทำให้คณะของเราซึ่งครั้งก่อนมักจะมาแบบรีบๆ นอนแค่ 2 คืน ยังไม่มีจังหวะที่จะแวะเข้าไปสักการะเยี่ยมชมได้
ดังนั้น ในการไปครั้งนี้ซึ่งจะใช้เวลานอนค้าง ถึง 3 คืน มีเวลาเหลือเฟือ เราจึงตกลงใจกันว่าจะขึ้นไปกราบพระมหาธาตุเจดีย์เสียก่อนแล้วก็มุ่งหน้าไปที่วัดอ่างสุวรรณ เพื่อสักการะและเยี่ยมชม โบสถ์ไม้ตาล ให้สมกับที่ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาหลายปีแล้ว
ว่าแล้วคณะของเราก็มุ่งหน้าไปสู่ วัดอ่างสุวรรณ หรือ วัดหนองหอย ในทันทีที่ลงมาจากวัดทางสาย ตำบลธงชัย โดยใช้บริการของ “กูเกิล” เช่นเคย
หลังจาก Turn Right, Turn Left ตามคำสั่งเป็นภาษาอังกฤษของ “กูไกด์” พักใหญ่ๆ เราก็ไปถึงวัดอ่างสุวรรณ ซึ่งอยู่ลึกและห่างจากถนนเพชรเกษมพอสมควร แต่ถนนหนทางราบ เรียบดีไม่มีปัญหาอุปสรรคใดๆ
เมื่อเข้าไปในบริเวณวัดแล้ว คณะของเราก็เดินตามลูกศรแนะนำไปอีกระยะหนึ่ง ผ่านเข้าไปในอาคารสร้างแบบตึกโบราณคล้ายๆ ตึกศิลาแลง และยังมีทางเดินเข้าที่ค่อนข้างลึกลับชวนให้ตื่นตาตื่นใจและตื่นเต้นระคนกัน
ในที่สุดเราก็ไปโผล่ที่ประตูหนึ่ง และก็ต้องอุทานออกมาดังๆ เมื่อพบ “พระอุโบสถ” ที่เราตั้งใจมากราบ ตั้งตระหง่านอยู่ ณ บริเวณลานที่กว้างพอสมควร…ด้านนอกของตึกหรืออาคารที่เราเดินทะลุมานั้นเอง
หัวหน้าทีมซอกแซกยกมือประนมไหว้ตั้งแต่ข้างนอกเอาไว้ก่อน…จากนั้นก็เดินเข้าไปในพระอุโบสถเพื่อไปไหว้พระพุทธรูปองค์ประธานและชื่นชมความงดงามของ “โบสถ์ไม้ตาล” ซึ่งขอยอมรับว่างามสมคำร่ำลือจริงๆ
“ไม้ตาล” คือไม้จาก ต้นตาล นี่แหละครับ ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีความแข็งแกร่งเหมือนไม้กระดานอื่นๆ แต่ พระครูผาสุกวิหารการ หรือพระอาจารย์ สมพงษ์ อัคคปัญโญ ที่ชาวบ้าน ละแวกนี้นิมนต์มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสหลังจากวัดหนองหอย แทบจะกลายเป็นวัดร้างไปก่อนหน้านี้ ท่านมีความรู้ว่า “ไม้ตาล” สามารถเลื่อยออกมาเป็นแผ่นๆ ได้ และมีความแข็งแกร่งทนทานนับ 80 หรือ 100 ปีเลยทีเดียว
เมื่อท่านมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสประมาณปี 2521 จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่าจะขอสร้างโบสถ์ไม้ตาลสักหลังหนึ่ง พร้อมกับแจ้งความจำนงให้แก่มรรคนายกและผู้นำชุมชนว่าจะดำเนินการตามที่อธิษฐานไว้ ซึ่งแรกๆ ใครก็ไม่เชื่อว่าจะทำได้
แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจลองดำเนินการดู ขอบริจาคไม้ตาลมาเป็นจำนวนมากนับหมื่นต้น และใช้เวลาในการเลื่อยอยู่นานมาก ก่อนจะลงมือสร้างเมื่อปี 2547 จนแล้วเสร็จสมบูรณ์ เมื่อปี 2556-2557 ราวๆ 10 ปีผ่านมา
พระอุโบสถทั้งหลังจะใช้ไม้ตาลเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงคานล่าง คานบน และบางส่วนที่จะต้องรับน้ำหนักเท่านั้นที่จะใช้ไม้ตะเคียนบานประตูก็ดี หน้าต่างก็ดี ตลอดจนผนังพระอุโบสถก็ดี ล้วนแกะสลักลวดลายไว้อย่างสวยงามยิ่ง
สำหรับองค์พระประธานนั้น เป็นพระพุทธชินราชจำลอง และใกล้ๆกันจะเป็นพระพุทธรูป หลวงปู่ไทร ที่แกะสลักมาจากไม้ไทรต้นใหญ่อายุกว่า 200 ปี ซึ่งเคยเป็นที่สักการะของชาวบ้านในบริเวณนี้ กลายเป็นหลวงปู่ไทรในปัจจุบัน
ทีมงานซอกแซกใช้เวลานั่งสงบจิตสงบใจด้วยการชมความงดงามภายในพระอุโบสถอยู่พักใหญ่ ก่อนจะออกมาเดินชมบรรยากาศรอบๆ นอกอีกพักใหญ่เช่นกัน
ขอแนะนำว่าท่านที่มีโอกาสผ่านอำเภอทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ หรือไปพักค้างที่บ้านกรูด ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณนั้นอย่าลืมหาโอกาสไปชมและสักการะสักครั้งหนึ่ง
จะได้ทั้งความอิ่มบุญ และอิ่มใจที่ได้มากราบพระอุโบสถที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของท่านเจ้าอาวาสวัดนี้ ที่ลงเอยด้วยสิ่งปลูกสร้างที่ดูขลังและสวยงามอย่างคาดไม่ถึงดังกล่าว
นี่คือ “โบสถ์ไม้ตาล” หนึ่งเดียวใน ประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งเดียวในประเทศไทย หรืออาจจะหนึ่งเดียวในโลกก็ได้กระมัง?
“ซูม”