เมื่อวันหยุดยาว “ฉัตรมงคล” หัวหน้าทีมซอกแซกติดตามลูกๆ หลานๆ หลบลมร้อนและ PM 2.5 ของกรุงเทพมหานครไปนอนค้างที่ชายหาดริมทะเลบ้านกรูด อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มา 3 คืน พอดิบพอดีเลยครับ
มีโอกาสออกตระเวนซอกแซกไปตามสถานที่ต่างๆ ที่สมควรไปเยี่ยมเยือนของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาหลายๆแห่ง ทั้งแห่งที่เคยไปมาแล้วและแหล่งที่เพิ่งจะไปครั้งนี้เป็นหนแรก
ได้เรื่องได้ราวและได้ประเด็นที่จะนำมาเขียนเป็นของฝากแก่ท่านผู้อ่านติดต่อกันได้หลายๆ สัปดาห์เลยทีเดียว
ขอเริ่มต้นที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ สถานที่ที่ใครยังไม่เคยไปประจวบฯสมควรจะต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต
เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทยที่ทรงคำนวณล่วงหน้าไว้ถึง 2 ปีว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง และจะเห็นได้ชัดเจน ณ ตำบลหว้ากอแห่งนี้ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2411 หรือเมื่อ 156 ปีที่ผ่านมา
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้เสด็จพระราช ดำเนินไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาดังกล่าวด้วยพระองค์เอง และทรงประชวรด้วยโรคไข้ป่าและเสด็จสวรรคตหลังจากเสด็จฯกลับจากหว้ากอ ประมาณ 1 เดือนเศษ
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณในฐานะพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย คณะรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ.2532 ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอขึ้น มอบหมายให้อยู่ในความดูแลของกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) กระทรวงศึกษาธิการ
ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของหอดูดาวและหอพระราชประวัติรัชกาลที่ 4 ตลอดจนสวนผีเสื้อ และที่มีชื่อเสียงมาก ใครมาใครไปจะต้องแวะเสมอก็คือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ นี่แหละครับ
ทีมงานซอกแซก ได้เคยเขียนอย่างละเอียดไว้แล้วว่า มีอะไรน่าดูชมบ้าง ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ จึงขออนุญาตที่จะไม่เขียนซ้ำในวันนี้
มาเข้าประเด็นเรื่อง “เกาะตู้ดูนางเงือก” ที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ที่หัวหน้าทีมซอกแซกพาดหัวคอลัมน์กันเลยนะครับ
แน่นอน…เมื่อเอ่ยถึง “นางเงือก” ที่เป็นสัตว์ครึ่งคนครึ่งปลา ท่อนบนเป็นคนหรือมนุษย์ แต่ท่อนล่างเป็นปลา ใช้ “หาง” แหวกว่ายธารานั้น…ย่อมเป็นที่เข้าใจกันอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องของ จินตนาการ เท่านั้น ไม่มีอยู่จริงในโลกนี้
ดังนั้นที่ไปปรากฏอยู่ใน “ตู้ปลา” ขนาดยักษ์ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอเมื่อช่วงวันหยุดยาว “ฉัตรมงคล” จึงย่อมจะเป็นเงือกตัวปลอมมิใช่ตัวจริงแต่อย่างใด
เป็น “มนุษย์” แท้ๆ 3-4 คนไปแต่งตัวเป็น นางเงือก สวมชุดหางปลาลงไปดำผุดดำว่ายในตู้ยักษ์ของพิพิธภัณฑ์มาตั้งแต่วันหยุดวันแรก จนถึงวันหยุดวันสุดท้าย
ในตู้ยักษ์ ที่ว่านี้ ปกติจะเป็นตู้โชว์ที่มีบันไดเวียนลงไปรอบๆ ตู้ให้ดูปลาขนาดใหญ่หลายๆ สายพันธุ์ รวมทั้งปลาฉลามด้วยมาแหวกว่ายให้เห็นซึ่งๆ หน้าแบบใกล้ตัวเราด้วย
ไฮไลต์จะอยู่ที่ในช่วงสำคัญช่วงหนึ่ง ในตอนบ่ายๆ ที่เขาจะส่ง “ประดาน้ำ” ลงไปดำน้ำ ให้อาหารแก่ปลาทั้งหลาย…ทำให้การยืนดูชมที่ข้างตู้ยักษ์มีรสมีชาติและตื่นเต้นไปกับการให้อาหารปลาใต้น้ำดังกล่าว
แต่ในช่วงวันหยุดฉัตรมงคลที่ผ่านมาทางพิพิธภัณฑ์ได้ว่าจ้างให้ทีมงาน “นางเงือก” ชุดนี้ มาดำผุดดำว่ายแทน เพิ่มอรรถรสในการดูปลาขึ้นอีกหลายๆ เท่า
อะไรไม่อะไร ได้ยินเสียงเด็กๆ หลายคนร้องอุทานขึ้นว่า “พี่เงือกฟอริดานี่เอง นางเงือกที่โด่งดังมาจากช่อง TikTok มาดำผุดดำว่ายที่นี่แล้วตัวจริงเสียงจริงเลยนะเนี่ย”
ใช่แล้วครับ…เธอคือนางเงือก ฟอริดา สุขสว่าง เจ้าของช่อง TikTok:@forida.f ที่มีผู้ติดตามกว่า 480,000 คน และมียอดกดไลค์สูงกว่า 7.2 ล้านไลค์แล้ว ณ ปัจจุบัน
ฟอริดา เคยให้สัมภาษณ์สื่อออนไลน์บางสำนักไว้ว่า อาชีพหลักของเธอเคยเป็นนางแบบมาก่อน แต่เมื่อ 3-4 ปีนี่เองเข้าไปดูในยูทูบแล้วก็พบว่าที่ต่างประเทศมีผู้ประกอบอาชีพ “นางเงือกจำลอง” เพื่อการโชว์ต่างๆ เธอก็เลยนึกสนุกหันมาฝึกดำน้ำและว่ายน้ำในลีลาท่าทีตามแบบอย่างของนางเงือกต่างประเทศดูบ้าง
จากนั้นเธอก็ถ่ายคลิปการว่ายน้ำท่านางเงือก ของเธอไปลงโซเชียลทั้งเฟซบุ๊ก ทั้ง TikTok จนไปเข้าตาหัวหน้าทีมคนปัจจุบันของเธอ และได้เชิญชวนมาร่วมทีมโชว์นางเงือกกับเพื่อนๆ อีก 2 คน ออกตระเวนไปทั่วประเทศ
รับจ้างแสดงตามอควาเรียมหรือพิพิธภัณฑ์ สัตว์น้ำต่างๆ ที่มีอยู่ในหลายๆ จังหวัดเป็นหลักและยังรับแสดงในงานตามที่มีผู้สนใจว่าจ้าง โดยคณะของเธอจะมีตู้พิเศษไปโชว์ให้ดูอย่างใกล้ชิดในการแสดงแต่ละครั้ง
คณะของเธอจะมีหัวหน้าทีมที่แต่งตัวคล้ายๆ ซุปเปอร์แมนและลงไปดำน้ำด้วยกับเงือกสาวอีก 2 เงือก รวมเป็น 3 เงือก…ครบทั้งชุด 4 คน
ค่าแสดงที่เธอได้รับจะอยู่ประมาณครั้งละ 5 พันบาท ต่อ 1 คน หรือ 1 งาน แต่ถ้าไปแสดงเป็นตัวแทนหรือ “สแตนด์อิน” ให้นางเอกต้องว่ายน้ำจมน้ำหรืออื่นๆ อาจจะเรียกเพิ่มขึ้น
เงือกฟอริดาเคยให้สัมภาษณ์ว่า แม้ค่าตัวจะเยอะพอสมควร แต่ก็ใช่ว่าจะมีงานแสดงทุกวัน ดังนั้นเมื่อถัวๆ รวมกันทั้งปีจึงถือว่าพออยู่ได้สบายๆ ไม่เดือดร้อน แต่พูดก็พูดเถอะค่าตัวขนาดนี้ก็คุ้มอยู่นะสำหรับการทำงานที่ต้องดำน้ำวันละหลายชั่วโมงและต้องสวมหางนางเงือกที่หนักถึง 10-15 กิโลกรัม ตลอดเวลาที่อยู่ในน้ำ
หัวหน้าทีมซอกแซกไม่มีโอกาสสัมภาษณ์เธอโดยตรง เพราะมีกระจกกั้นอยู่แม้จะมีโอกาสเผชิญหน้าอย่างใกล้ชิด เมื่อเธอดำมาอยู่ตรงหน้าแล้วโบกมืออยู่หลายวินาทีก็ตามที
ขอบคุณ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ที่เพิ่มสีสันในปีนี้ด้วยการนำคณะนางเงือกและซุปเปอร์แมนชุดนี้มาโชว์เรียกเสียงฮือฮาจากเด็กๆ (รวมทั้งคนแก่อย่างหัวหน้าทีมด้วย)
จากนี้เธอและคณะจะไปแสดงที่ไหนอีกอย่าลืมติดตามนะครับผ่านช่อง TikTok ของเธอที่นำลงไว้ข้างต้นคอลัมน์ก็ได้ครับ เธอจะโพสต์ทุกๆ แห่งทุกๆ ที่ที่เธอไปแสดง สามารถเปิดดูย้อนหลังได้ครับ รวมทั้งการแสดงที่หว้ากอครั้งล่าสุดนี้ด้วยเช่นกัน.
“ซูม”