สรุป “สื่อมวลชนไทย” เก่งสุด ข่าว “เศรษฐา 1/1” แม่นเป๊ะ

ผมเป็นแฟนประจำของรายการ “ข่าวเที่ยงไทยรัฐ” ของไทยรัฐทีวี ช่อง 32 โดยเฉพาะช่วงสัมภาษณ์สดทางโทรทัศน์ คุณสุภาพ คลี่ขจาย เพื่อนรุ่นน้องผม เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ

เมื่อวานนี้หลังมีข่าวโปรดเกล้าฯ รัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งบางสำนักข่าวเรียกว่า “เศรษฐา 2” แต่บางสำนักยังคงเรียกว่า “เศรษฐา 1/1” ผมก็ฟังคุณสุภาพวิเคราะห์ตั้งแต่ต้นจนจบ

ฟังแล้วก็รู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความเห็นของคุณ สุภาพ คลี่ขจาย ที่บอกว่า…งานนี้คนที่เก่งที่สุด เจ๋งที่สุด ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก…คือ นักข่าวการเมือง ของสำนักข่าวหรือสื่อต่างๆ ในประเทศไทยเรานี่เอง

เพราะรายชื่อที่ออกมาครั้งนี้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ล้วนเป็นข่าวและอยู่ในโผของผู้สื่อข่าวการเมืองมาตลอดเกือบจะ 2 สัปดาห์เห็นจะได้

เป็นข่าวหัวยักษ์บ้าง หัวรองบ้าง แข่งกับข่าวเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ คนนั้นจะมาคนนี้จะไป ว่ากันเป็นฉากๆ ไปเลยทีเดียว

ผมอ่านข่าวบ้างฟังข่าวบ้างดูทีวีบ้าง ยังนึกเป็นห่วงนักข่าวอยู่ในใจว่า ถ้าไม่เป็นตามนี้จะเอาหน้าไปไว้ไหนหนอน้องๆ เรา?

นึกถึงสมัยพวกเราเมื่อครั้งยังเป็นนักข่าว 20-30 ปีก่อน ก็จะมีแหล่งข่าวมาบอกอย่างโน้นอย่างนี้ พอลงไปแล้วก็มีถูกบ้างผิดบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะผิดเสียมากกว่าถูก จนบางยุคบางสมัยมีคนไปล้อกันว่า “รัฐมนตรีหนังสือพิมพ์ตั้ง” คือได้เป็นเฉพาะในหน้าหนังสือพิมพ์ แต่ของจริงในราชกิจจานุเบกษากลายเป็นอีกคน

สำหรับครั้งนี้ที่บอกว่าจะไปตั้งแต่แรกและยืนว่าไปตลอดคือคุณหมอชลน่านและขณะเดียวก็บอกด้วยว่าคนที่จะมาแทนหมอชลน่านคือคุณหมอสมศักดิ์นั้นก็เป็นข่าวแต่แรกเช่นกัน

ที่บอกว่าคุณปานปรีย์จะหลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ เหลือแค่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศตำแหน่งเดียวก็เป็นข่าวมาตั้งแต่โผแรกและยืนยันมาตลอดทุกโผ

อีก 2 กระทรวงที่เป๊ะมากคือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับกระทรวงวัฒนธรรมที่มีข่าวแต่แรกเช่นกันว่าจะมีการสลับรัฐมนตรี

รวมทั้งข่าวคุณพวงเพ็ชรที่จะหลุดจากรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรีก็มีชื่อแต่แรก และรัฐมนตรีโชคดีที่ข่าวลือลอตแรกว่าจะโดนปลดและต่อมาก็ลือใหม่ว่ารอดแล้วคือรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม คุณ สุทิน คลังแสง นั่นเอง

มาจนถึงสัปดาห์ท้ายๆ ที่มีข่าวว่าจะมีรัฐมนตรีคลังท่านใหม่มารับตำแหน่งแทนท่านนายกฯ แพลมชื่อว่าเป็น คุณพิชัย ชุณหวชิร เจ้าพ่อบางจาก และมาชัดเจนมากตอนที่คุณพิชัยออกตระเวนยื่นใบลงในตำแหน่ง ประธานบอร์ด โน่นนี่นั่นตามสูตรของบุคคลที่จะได้เป็นรัฐมนตรี

ซึ่งในที่สุดโผก็ออกมาเป๊ะๆ ดังที่สื่อรายงานไว้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ผมต้องพยักหน้าเห็นด้วยกับบทวิเคราะห์ของคุณสุภาพ คลี่ขจายที่ชื่นชมว่าผู้สื่อข่าวการเมืองยุคนี้ “เก่งมาก” ดังกล่าว

ชื่นชมการทำงานของนักข่าวการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากนี้ไปก็จะต้องมาดูผลกระทบของ “การเปลี่ยน “ม้ากลางศึก”” ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง? จะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย?

ด้วยใจจริงผมไม่อยากให้เป็นข่าวร้ายเลย เพราะเป็นคนมองโลกในแง่ดี และเอาใจช่วยประเทศไทยอยู่เสมอ แต่ก็หวั่นใจว่าจะเป็นข่าวร้ายดังที่ได้แสดงความวิตกเอาไว้แล้วล่วงหน้าหลายๆ ครั้ง

เพราะถ้าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ เกิดจากความคิดของท่านนายกฯ เศรษฐาเองก็พอทำเนา ผิดบ้างถูกบ้าง อาจได้คะแนนสงสารในฐานะมือใหม่หัดขับ

แต่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีน้ำหนักมาจากผู้ที่ท่านไปรับประทานอาหารกลางวันด้วยก่อนสรุปโผ ผมก็ใจคอไม่ดีเกรงว่า ความขัดแย้งครั้งใหญ่ของคนในชาติอย่างที่เคยเกิดขึ้นจะกลับมาเกิดขึ้นอีก

เพราะท่านผู้นั้นคือนักการเมืองฉายา “คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ” ออกโรงทีไรผืนหนังกับผืนเสื่อมักลุกขึ้นมาทะเลาะกันที่นั้น

ทุกวันนี้ผมนั่งรถผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนก็ยกมือไหว้ที่นั่น ขออย่าให้การเปลี่ยนรัฐมนตรีครั้งนี้นำไปสู่เหตุการณ์ “เชิงลบ” ใดๆ เลย

ใครจะว่าผมเป็นนักเขียน “สายมู” ก็ต้องยอมรับละครับ เพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ เห็นความเสียหายจากความขัดแย้งทางการเมืองมาเยอะมาก ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ก็ทำได้แค่กราบไหว้บูชาขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเท่านั้นเอง.

“ซูม”

สรุป “สื่อมวลชนไทย” เก่งสุด ข่าว “เศรษฐา 1/1” แม่นเป๊ะ, ข่าว,​ ข่าวการเมือง, รัฐบาล, ประเทศไทย, รัฐมนตรี, นายกฯ เศรษฐา, ข่าววันนี้, ซูมซอกแซก