เหตุการณ์ล่าสุด กรณี “ฝรั่งเตะคุณหมอ” ที่จังหวัดภูเก็ตจะลงเอยอย่างไร ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ยังไม่ทราบครับ… เพราะจากข่าวพาดหัวของ “ไทยรัฐ” ที่วางอยู่บนโต๊ะผมนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นมหากาพย์ยืดยาวต่อไปอีกพอสมควร
เริ่มจากประเด็นที่ว่า พี่น้องชาวภูเก็ตจำนวนมากไปรวมตัวที่บันไดปูนหน้าวิลล่าเกิดเหตุเพื่อประท้วงฝรั่งซ่ารายนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ขับไล่ออกไปจากเกาะภูเก็ตโดยเร็ว และขอพื้นที่ชายหาดให้กลับมา เป็นของชาวภูเก็ตทุกๆ คน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง
สำหรับในสื่อสังคมออนไลน์นั้น ไม่ต้องพูดถึงละครับ มีการเสนอ ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันของคนไทย ทั้งผู้โพสต์และผู้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมในทำนองฝรั่งรายนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ควรจะออกจากภูเก็ตเท่านั้น…แต่ควรจะออกจากประเทศไทยเสียด้วยซํ้า
ผมเองแรกๆ ก็ติดตามข่าวทางยูทูบที่มีการพูดถึงข่าวนี้อย่างมากแบบงงๆ และพยายามทำใจเป็นกลางแบบฟังความทั้ง 2 ข้าง
แต่พอได้ดู “คลิป” ตอนเกิดเหตุที่เขาว่าฝรั่งเป็นคนถ่ายเองและนำไปเป็นหลักฐานต่อตำรวจว่า เขาไม่ได้เตะแพทย์หญิง แต่สะดุดล้มจนเท้าพลาดไปโดนเข้าเท่านั้น…ผมก็เปลี่ยนใจมาเข้าข้างคุณหมอทันที
โดยเฉพาะคำด่าทอและเกรี้ยวกราดใส่แพทย์หญิงแบบดูถูกคนท้องถิ่นนั้นเป็นถ้อยคำที่รุนแรงและรับไม่ได้จริงๆ
ทำให้ผมนึกถึงข่าวต่างประเทศจากประเทศศรีลังกา ขึ้นมาข่าวหนึ่งเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ซึ่งสำนักข่าวรายงานตรงกันว่า รัฐบาลศรีลังกาได้ยกเลิกโครงการฟรีวีซ่าระยะยาวให้แก่คนรัสเซียและยูเครนที่หนีภัยสงครามมาท่องเที่ยว หรือพักอาศัยที่ศรีลังกาไปเรียบร้อย ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ยังผ่อนผันให้อีก 14 วัน จนถึง 7 มีนาคมเป็นวันสุดท้าย
เหตุผลก็เพราะมีไนต์คลับแห่งหนึ่งที่เมืองตากอากาศเมืองหนึ่ง ซึ่งเจ้าของเป็นคนรัสเซีย ได้ประกาศจัดงานปาร์ตี้ขึ้นงานหนึ่งโดยมีจุดมุ่งหมายที่จะจัดขึ้นเพื่อชาวรัสเซียที่แห่มาเที่ยวและถือโอกาสพักยาวๆ มากขึ้นในศรีลังกา หลังจากเกิดสงครามรัสเซียยูเครน
แต่ไปพิมพ์ข้อความในโปสเตอร์จัดงาน มีใจความเป็นภาษาอังกฤษกำกับไว้ว่า “Face Control : White” ซึ่งสื่อความหมายว่า งานนี้จะควบคุมดูแลคนเข้างานด้วย และจะเข้าได้เฉพาะ “คนผิวขาว” เท่านั้น
ต่อมาก็มีคนเอาโปสเตอร์จัดงานที่มีถ้อยคำนี้ด้วย ไปลงโซเชียลมีเดียของศรีลังกาและมีการแชร์เผยแพร่อย่างกว้างขวาง สร้างความโกรธเคืองให้แก่ชาวศรีลังกาเป็นอย่างยิ่ง
แม้ในที่สุดคณะผู้ริเริ่มจัดงานที่ว่าจะเลิกล้มงานไปก่อน แต่กระแสต่อต้านก็ยังไม่หยุด จนรัฐบาลศรีลังกาต้องตัดสินใจยกเลิกการออกวีซ่าฟรี ให้แก่บุคคลทั้ง 2 ชาติ คือ ทั้งรัสเซียและยูเครนไปเสียด้วยในคราวเดียวกัน
เห็นไหมครับว่า ไม่มีชาติไหนเขายอมหรอกที่จะให้คนต่างชาติมาแสดงการเหยียดหยันคนของเขาในบ้านเขาแบบซึ่งๆ หน้า
เขาจึงตอบโต้ในแบบที่เขาจะตอบโต้ได้ อย่างของศรีลังกาก็ใช้ วิธีระงับการออกวีซ่าฟรีระยะยาวให้แก่บุคคล 2 ชาตินี้ดังกล่าว
กรณีของเราฟังจากคลิปนอกจากมีอาการเหยียดคนท้องถิ่นแล้วยังด่าทอฟักแฟงแตงกวาออกมาด้วย อย่างที่ผมบอกขนาดคนอารมณ์เย็นๆ อย่างผมยังรู้สึกโกรธในฐานะคนไทย
จะจัดการอย่างไรก็จะรอดูทางฝ่ายราชการไทยของเรานะครับ
ขณะเดียวกันก็ถือโอกาสฝากไว้ด้วยว่า นโยบายการเปิดกว้างให้ชาวต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทย หรือการชักชวนให้คนเมืองนอกเกษียณอายุแล้วมาอยู่เมืองไทยเยอะๆ อาจจะมีผลดีก็จริง ถ้าเราได้คนดีๆ และคนมีสตางค์จริงๆ มาอยู่อาศัยมาเที่ยว เพราะเขาจะมีเงินออกมาใช้จ่ายซื้อของหรืออื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจของเราโดยตรง
แต่ก็ควรจะต้องระวังผลเสียจากพวก “สีเทา” หรือ “สีดำ” เอาไว้บ้าง หรือไม่ก็พวกที่ตั้งหน้าตั้งตาจะมาหาประโยชน์ในประเทศไทยของเราเป็นหลักเอาไว้บ้าง
ใช้กรณีฝรั่งรายนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาช่องโหว่กันเลยนะครับ เพื่อให้นโยบายเชิญชวนคนอื่นมาอยู่บ้านเรา มาลงทุนบ้านเราเป็นประโยชน์แก่ชาติเราอย่างแท้จริง.
“ซูม”