ผมหลบไปเขียนเรื่องเบิกบานสำราญใจชวนเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ และรับประทานโน่นรับประทานนี่เสีย 2 วันช่วงเสาร์ อาทิตย์ ตามนโยบายดั้งเดิมของไทยรัฐที่ประสงค์จะให้ท่านผู้อ่านได้อ่านเรื่องเบาๆ และสนุกสนานในระหว่างวันหยุดสุดสัปดาห์
ไม่แน่ใจว่าท่านผู้อ่านจะมีโอกาสเที่ยวอย่างเต็มที่และรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ ที่ผมวานน้องๆ ไปสำรวจหาข้อมูล “เทศกาลไหว้พระจันทร์” ปีนี้มาฝากอย่างอิ่มอร่อยหรือไม่?
เพราะเกิดข่าวใหญ่ถึง 2 ข่าวเมื่อวันศุกร์และวันเสาร์
ข่าวแรก…อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องคดีจำคุกรวมกัน 8 ปี ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี เมื่อช่วงบ่ายๆ วันศุกร์
ตามมาด้วยข่าวสอง…สายๆ วันเสาร์ ราชกิจจานุเบกษาก็ลงประกาศแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ทั้งคณะที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลฯไปก่อนหน้านั้น
แน่นอนข่าวที่ทำให้ท่านผู้อ่านบางส่วนเที่ยวไม่สนุกหรือรับประทานขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทร์ไม่อร่อยก็คือ “ข่าวแรก”…เพราะดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อดีตนายกฯ ทักษิณนั้น ตกอยู่ในสถานะที่คำพังเพยโบราณกล่าวไว้ว่า “คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ” นั่นเอง
บรรดา ผืนหนัง ย่อมจะชื่นชมยินดี ในขณะที่ ผืนเสื่อ ย่อมจะไม่พอใจ…มีการแสดงออกในลักษณะต่างๆ ผ่านโซเชียลมีเดียอย่างกว้างขวาง
สำหรับผมเองนั้น ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วว่า ยึดนโยบายเป็นกลาง ทางการเมืองมาตลอด อยากเห็นทุกฝ่ายรักใคร่กลมเกลียวกันและจับมือกันเพื่อพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองเป็นหลักการสูงสุด
แม้จะรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อยที่คุณทักษิณไม่แสดงความเสียสละอะไรบ้างเลย…นอนคุกไม่ถึงครึ่งคืนก็บอกว่าป่วย ขอไปนอนโรงพยาบาลตำรวจเสียแล้ว
ถ้าจะยอมใช้เวลาอยู่ในเรือนจำสักระยะหนึ่งแล้วค่อยป่วย แล้วค่อยทำเรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษ อาจจะทำให้ “ปฏิกิริยา” หลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดียเบาบางกว่าที่เป็นอยู่
แต่ก็เอาเถิดครับ เมื่อคุณทักษิณทูลเกล้าฯ แล้ว และได้รับพระมหากรุณาธิคุณแล้วผมก็หวังว่าคุณทักษิณจะบังเกิดความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ในครั้งนี้ พร้อมกับอุทิศตน “รับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์” และชาติบ้านเมือง ดังที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของท่านได้โพสต์ไว้ในอินสตาแกรมของตนหลังจากนั้น
มาที่ “ข่าวสอง” หรือข่าวโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีใหม่ เศรษฐา ทวีสิน กันดีกว่า
แม้จะเป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ และส่วนใหญ่ก็เป็นเหล้าที่รสชาติอย่างนั้นๆ ไม่ชวนให้ดื่มสักเท่าไหร่นัก แต่ก็อย่างที่ผมปรารภไว้หลายครั้งว่าในระบบการเลือกตั้ง เราจะหวังรัฐมนตรีใหม่ๆ ประเภทคุณภาพคับแก้วค่อนข้างยาก
แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นในระบบราชการโดยเฉพาะกระทรวงที่เป็นหลักในการพัฒนาประเทศ ว่ามีบุคลากรที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพอยู่พอสมควร
ขอให้ฝ่ายการเมือง คือ รัฐมนตรีต่างๆ ไม่โกงกิน ไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง และตัดสินใจทุกสิ่งทุกอย่างบนหลักของธรรมาภิบาลตลอดจนความถูกต้อง…ผมเชื่อว่าประเทศไทยของเรายังไปได้
“เหล้าใหม่” จริงๆ ของรัฐบาลนี้ก็คือ คุณ เศรษฐา ทวีสิน นั่นแหละครับ ในฐานะนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จสูงคนหนึ่งของประเทศไทย
แต่ฝีไม้ลายมือในการบริหารประเทศจะเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป หลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์และแถลงนโยบายเรียบร้อยแล้ว
ผมก็ขอสรุปข้อเขียนของผมในวันนี้ว่า นับตั้งแต่ พ.ศ.2504 ที่เราเริ่มใช้แผนพัฒนาฉบับที่ 1 มาจนถึงบัดนี้ พ.ศ.2566 ประเทศไทยเราเดินหน้ามาโดยตลอด แต่ก็น่าเสียดายที่ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้เราไม่สามารถพัฒนาได้เต็มศักยภาพ
ถ้าเราไม่ทะเลาะกัน และในการทะเลาะทุกครั้งก็ดุเดือดเลือดพล่านเหลือเกิน เราจะไปไกลกว่านี้มากนัก
ผมจึงอยากให้เราลืมเรื่องราวในอดีตทั้งหมด หันมาจับมือกันเป็นหนึ่งเดียวพัฒนาประเทศไทยของเราอย่างเต็มที่ต่อไป
เหตุการณ์ที่เกิดในขณะนี้หลายฝ่ายอาจไม่ชอบอะไรบางอย่าง แต่ขอให้ตระหนักไว้เถิดว่านี่คือความพยายามที่จะให้เกิดความ “ปรองดอง” ขึ้นโดยแท้จริง โดยความร่วมมือของ “บิ๊กตู่” ที่เพิ่งก้าวลงจากเวทีการเมือง
ประเทศไทยของเราสิ้นสุด ยุค “3 ป.” ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ยังต้องการ “ป.” ที่ 4 มาบริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง
นั่นก็คือ “ป. ปรองดอง” น่ะครับ…หวังว่าเราจะ “ปรองดอง” กันได้เสียทีนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
“ซูม”