ปี่กลอง “เลือกตั้ง” เริ่มแล้ว กระตุ้น “เศรษฐกิจ” ไทย 5 หมื่นล้าน

ขณะที่ผมนั่งรถจะเข้าโรงพิมพ์เมื่อวานนี้และเปิดวิทยุคลื่น 100.5 ของ อสมท ฟังไปเรื่อยๆ นั้น ก็ต้องรีบคว้าปากกามาจดลงสมุดพกเล่มเล็กๆ ที่ผมพกติดตัวอยู่เสมอๆ แบบทันทีทันควัน

เพราะได้ยินเสียงผู้จัดรายการข่าวซึ่งน่าจะเป็นข่าวเศรษฐกิจ รายงานการให้สัมภาษณ์การประเมินภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ของท่านอาจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี ม.หอการค้าไทย โดยพาดหัวข่าวล่วงหน้าว่า การเลือกตั้งทั่วไปของประเทศไทยเราที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ จะก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนไม่ตํ่ากว่า 40,000-50,000 ล้านบาททั่วประเทศ

ตั้งแต่ในบริเวณตัวเมืองใหญ่ไปจนถึงชุมชนและหมู่บ้านชนบทในท้องนาท้องไร่ต่างๆ ที่แม้จะอยู่ห่างไกล

ไม่ว่าจะมีการยุบสภา หรือไม่ยุบสภา การเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นไม่เกินเดือนพฤษภาคม และถ้ายุบสภาก็จะเร็วกว่านั้น ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาของไตรมาสที่ 2 ของปีแน่นอน

เมื่อบวกกับค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากนโยบายเปิดประเทศของรัฐบาลไทย…จะเป็นผลทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหรือจีดีพีในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นประมาณ 1-1.5 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อมองยาวไปทั้งปีแล้วเศรษฐกิจไทยปีนี้หรือปี 2566 น่าจะขยายตัวได้อยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 3-4 ท่านอาจารย์สรุป

ผู้ประกาศข่าวรายงานช่วงหนึ่งว่าในความเห็นของท่านอาจารย์ แม้ ณ ช่วงเวลาปัจจุบันนี้ ซึ่งยังไม่มีการยุบสภา หรือยังไม่มีการประกาศว่าจะมีเลือกตั้งเมื่อไรด้วยซํ้า แต่พรรคการเมืองต่างๆ ก็เริ่มมีการเตรียมตัวหาเสียงล่วงหน้า มีการใช้จ่ายเงินไปแล้วประมาณ 1,000-2,000 ล้านบาท

ครับ! สาระโดยสรุปที่ผมจดจากถ้อยแถลงของท่านอาจารย์ ธนวรรธน์ ก็จะมีประมาณนี้ หากจะผิดพลาดคลาดเคลื่อนประการใด ในด้านตัวเลขหรือเปอร์เซ็นต์ต่างๆ คงต้องขออภัยล่วงหน้าไว้ด้วย เพราะผมจดขณะที่รถเคลื่อนที่ไปโดยตลอด มิได้หยุดติดไฟแดงให้จดได้นิ่งๆ เหมือนในครั้งก่อนๆ

แต่ในแง่ “ทิศทาง” หรือ “ประเด็นหลัก” ที่จะเกิดจากการเลือกตั้ง ไม่ผิดแน่นอนครับ คือจะต้องมีการใช้จ่ายเงินเพิ่มมากขึ้นจากพรรคการเมืองทั้งหลาย อันจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยไปโดยปริยาย ดังที่ผมเองก็เคยเขียนไว้แล้วหลายครั้ง

ดังนั้น เมื่อมาได้ยินรายงานข่าวการให้สัมภาษณ์ของ ดร.ธนวรรธน์ ที่ประเมินไว้ว่า มูลค่าเงินหมุนเวียนจากการเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องใช้จ่ายหลายๆ อย่างอาจสูงถึง 40,000-50,000 ล้านบาท ผมจึงรีบเอามารายงานทันทีพร้อมขออนุญาตกล่าวขอบคุณท่านอาจารย์ไว้ ณ ที่นี้

ท่านที่ติดตามอ่านข้อเขียนของผมมาพอสมควรคงจะจำได้ว่า ผมจะอ้างอิงท่านอาจารย์บ่อยมาก และเชื่อมั่นในผลการวิจัยด้านเศรษฐกิจของท่านที่ได้ดำเนินการตามหลักวิชาการที่ถูกต้องมานับสิบกว่าปีแล้ว

นี่ขนาดอยู่ในห้วงเวลาของการโหมโรงเท่านั้น ยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไร แต่ทุกคนรู้ว่ายังไงๆก็ต้องเลือกตั้งแน่ จึงหาเสียงล่วงหน้า…มีทั้งขึ้นป้ายล่วงหน้า เดินสายไปเยี่ยมประชาชนล่วงหน้า เป็นข่าวชิงพื้นที่หน้า 1 ติดต่อกันมาเกือบๆ เดือนเข้าไปแล้ว และใช้จ่ายเงินไปถึง 1,000-2,000 ล้านบาท อย่างที่อาจารย์แถลงไว้

ดังนั้น เมื่อมีการประกาศให้ พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ฉบับใหม่ ในราชกิจจานุเบกษาเป็นที่เรียบร้อยไปเมื่อ 2 วันก่อน ก็ยิ่งเป็นการการันตีความพร้อมของการเลือกตั้งมากขึ้นไปอีก และจะทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นไปอีกตามคำพยากรณ์ของอาจารย์

ขึ้นอยู่กับ “บิ๊กตู่” ว่างั้นเถอะครับว่าจะยุบเมื่อไร? หรือจะรอให้ถึงกำหนดหมดอายุ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งตามมาโดยอัตโนมัติก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านแต่เพียงผู้เดียว

ช่วงนี้การเดิมพันขันต่อว่าจะยุบเมื่อไร ก่อนหรือหลัง วันโน้นวันนี้ (เช่น ก่อนหรือหลัง 15 มีนาคม เป็นต้น) ก็เริ่มมีขึ้นแล้วตามประสา คนไทยที่ชอบเดิมพัน

ยังไงๆ ก็ระวังไว้หน่อยนะครับ อย่าเผลอไปเดิมพันโจ่งแจ้ง ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ หรือบอกตัวเลขแต้มต่อ ยอดเม็ดเงินเท่านั้นเท่านี้เด็ดขาด เดี๋ยวจะกลายเป็นการ “เล่นพนัน” และเป็นหลักฐานมัดตัวว่าเล่นพนัน

โทษแรงกว่าปกตินะครับจะบอกให้ เล่น “พนันเลือกตั้ง” เนี่ย…

“ซูม”

ปี่กลอง “เลือกตั้ง” เริ่มแล้ว กระตุ้น “เศรษฐกิจ” ไทย 5 หมื่นล้าน, การเมือง, ยุบสภา, ข่าว, ทิศทาง, บิ๊กตู่, ซูมซอกแซก