เป็น “สัตว์ประเสริฐ” แค่ 80% รับรอง “ประเทศไทย” ไปโลด!

เมื่อวานผมเขียนเรื่อง “มนุษย์” ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “สัตว์ประเสริฐ” แต่ประเสริฐแค่ไหนก็อดทิ้งนิสัยสัตว์เสียมิได้ คือ ยังไล่ล่าฆ่ากัน ข่มเหงกัน ทะเลาะเบาะแว้งกัน หรือต่อสู้กัน ซึ่งใน บริบทของสัตว์ก็คือ “กัดกัน” นั่นเอง

จำเป็นต้องใช้ “ธรรมะ” มาขัดเกลาหรืออบรมบ่มนิสัยให้ลืมสัญชาตญาณสัตว์ หันกลับมาสู่ความประเสริฐให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

อันเป็นคำสอนจากแผ่นกระดานตอกติดต้นไม้ในวัดที่ภาคอีสานแห่งหนึ่งที่ผมเคยอ่านพบ เมื่อ 30 กว่าปีก่อนโน้น

แล้วผมก็ยกตัวอย่างว่า มนุษย์เผลอไผลกลับไปสู่สัญชาตญาณสัตว์ จนลืมความประเสริฐในกรณีใดๆบ้าง…แจ่มแจ้งชัดเจนที่สุดก็คือ กรณี รัสเซีย-ยูเครน และ สหรัฐฯ ที่กำลังตึงเครียดอยู่ขณะนี้

มีการเคลื่อนไหว มีการกล่าวหากันมาหลายวันแล้วว่า อาจจะถึงขั้นลงมือต่อสู้หรือทำสงครามต่อกัน

เผอิญเป็นกรณีของประเทศมหาอำนาจก็เลยถือว่าเป็นสัตว์ขนาดใหญ่เทียบได้กับพญาราชสีห์ พญาสิงโต หรือพญาเสือโคร่ง ฯลฯ ที่เวลาต่อสู้กันมักจะใช้วิธี “ตะปบ” เป็นหลัก และ “กัดกัน” เป็นรอง

ผมจึงใช้คำว่า “ตะปบกัน” และรอดูว่าสัตว์ประเสริฐที่ลืมความประเสริฐไปชั่วขณะเหล่านี้ จะลงมือตะปบกันเมื่อไร?

พญาราชสีห์ใหญ่ไบเดนบอกว่า รัสเซียบุก “แน่ๆ เร็วๆ นี้” แต่ ณ นาทีที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้บ่ายวันอาทิตย์ที่ 20 ก.พ. ตามเวลาบ้านเรา… การตะปบยังไม่เกิดขึ้นครับ

ในคอลัมน์เมื่อวานเช่นกัน ผมเขียนเกริ่นไว้ 2-3 บรรทัดว่า สภาวะของการลืมความเป็นสัตว์ประเสริฐก็เกิดขึ้นในประเทศเราด้วย

เพราะในหลายๆ ปีมานี้คนไทยเรามักอารมณ์ร้อน อารมณ์เสียทะเลาะกันรุนแรง โกรธกันรุนแรง เกลียดกันรุนแรง และบ่อยครั้งที่มีการต่อสู้จนถึงขั้นบาดเจ็บไปตามๆ กัน โดยมีล้มตายอยู่บ้าง แต่ยังไม่มากนัก

เผอิญว่าเมื่อวานผมต้องการจะเขียนถึงเหตุการณ์ “รัสเซีย-ยูเครน” ที่กำลังร้อนจัดเสียมากกว่า จึงของดที่จะเขียนถึงสภาวะการลืมความเป็นสัตว์ประเสริฐของคนไทยเราเอาไว้ก่อน

วันนี้เมื่อสัตว์ประเสริฐระดับสัตว์ใหญ่ของโลกยังไม่ตะปบกัน (ตามข่าวล่าสุด) เราก็มาเขียนถึงสัตว์ประเสริฐระดับสัตว์เล็กของบ้านเราไปพลางๆ ก็แล้วกัน

ถ้าเราหันกลับไปอ่านประวัติศาสตร์อันยาวนานของประเทศไทย… หรืออย่างน้อยก็ในช่วง 70 ปี เท่าที่คนอายุ 80 ปีอย่างผมจำความได้… ก็จะพบว่าคนไทยเราทะเลาะกัน ไล่ล่ากันฮึ่มๆ แฮ่ๆ ใส่กันมาโดยตลอด

ทะเลาะกันสู้กันในทุกระดับทั่วประเทศก็ว่าได้ ทั้งในระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ขึ้นไปจนถึงระดับจังหวัด จะมีกลุ่มบุคคลที่ขัดแย้งกันอยู่เสมอ

ขึ้นมาระดับชาติโดยเฉพาะทางการเมืองนั้น รัฐบาลที่มาจากทหารกับนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งมักจะอยู่คนละฝ่ายมานานแล้ว มีการขัดแย้ง มีการจับกุมคุมขังกันอยู่ตลอดเวลาแทบทุกยุคทุกสมัย

บางขณะฝ่ายทหารที่กุมอำนาจอยู่ก็แย่งชิงอำนาจกันเอง ใช้กำลังเข้าจัดการกันเอง จนทหารบางนาย ตำรวจใหญ่บางนายต้องไปตายต่างแดน

ในเรื่องของการแตกแยกทางความคิดแบ่งออกเป็นขวาเป็นซ้ายก็เคยรุนแรงถึงขนาดจับอาวุธสู้รบกันจนบาดเจ็บ ล้มตายจำนวนมากก็เคยเกิดขึ้นก่อนจะวางอาวุธมาช่วยกันพัฒนาชาติในที่สุด

มีเรื่องมีประเด็นที่จะต้องทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา…เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน…ล่าสุดเมื่อวันก่อนมีการอภิปรายในสภาก็ว่ากันรุนแรงใช้ศัพท์ ใช้แสงที่ดุเดือด แต่หลักฐานรายละเอียดแทบไม่มีอะไรมากนัก

เท่าที่สัตว์ชราอย่างผมสังเกตมา 70 ปี (ไม่นับช่วงที่ผมเป็นเด็กที่ยังไม่รู้อะไรสัก 10 ปี) บ้านเราเป็นอย่างนี้จริงๆ และทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่

จนผมรู้สึกเสียดายโอกาสในการพัฒนาประเทศชาติของเราอย่างมาก เพราะด้วยประสบการณ์และการสัมผัสผู้คนระดับต่างๆ มาพอสมควรของผม…ผมมั่นใจว่า คนไทยเราเป็นคนเก่งไม่แพ้ใครที่ไหน ในโลกนี้ โดยเฉพาะฝีมือและมันสมอง

ถ้าเราเป็นสัตว์ประเสริฐสักแค่ 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องถึง 100 หรอกครับ…คือลดการทะเลาะกันหรือกัดกัน ต่อสู้กันลงมาหน่อย

ป่านนี้เราเป็นประเทศรายได้สูงไปนานแล้ว ไม่ติด “กับดัก” อยู่ที่ประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูงอย่างทุกวันนี้หรอกครับ.

“ซูม”

ข่าว, การเมือง, รัสเซีย, ยูเครน, ซูมซอกแซก