เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมเขียนกราบเรียนท่านผู้อ่านว่าปีนี้ “ไทยรัฐ” จะงดจัดกิจกรรมรำลึกถึง ผอ.กำพล วัชรพล อดีตผู้อำนวยการและผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคมที่จะถึงนี้…อีกปีหนึ่ง
แม้ว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสถานการณ์โควิด-19 ในบ้านเราดูจะดีขึ้น เห็นได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และรัฐบาลเองก็ออกมาแถลงยอมให้จัดงานฉลองปีใหม่ได้ รวมทั้งยอมให้นั่งดื่มแอลกอฮอล์ได้ในวันที่ 31 ธันวาคม
แต่จากข่าวต่างประเทศที่เราติดตามอยู่ตลอดเวลา รู้สึกได้ว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจอย่างยิ่ง เพราะการระบาดในสหรัฐฯ และยุโรประลอกใหม่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าวิตก
คณะกรรมการมูลนิธิไทยรัฐ ซึ่งได้รับมอบหมายให้เป็นผู้จัดกิจกรรมต่างๆ นับตั้งแต่การมอบรางวัลแก่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา และครูไทยรัฐวิทยาดีเด่นมาจนถึงรางวัลวิทยานิพนธ์ด้านสื่อสารมวลชนดีเด่น และการแสดงปาฐกถา “กำพล วัชรพล” ฯลฯ จึงมีมติว่าการ “งด” จัดกิจกรรมต่างๆ อีก 1 ปี น่าจะดีที่สุด
ด้วยความเป็นห่วงว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอาจจะเข้ามาระบาดในบ้านเราเร็วกว่ากำหนด หากสถานการณ์การระบาดในสหรัฐฯ-ยุโรป และในแอฟริกาใต้เองจะยังไม่บรรเทาเบาบางลง
การจัดงานใดๆ ก็ตามที่มีผู้คนมารวมตัวกันมากๆ ย่อมเป็นการช่วยส่งเสริมให้การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้นไปอีก
มาถึงวันนี้ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับ ซึ่งตรงกับบ่ายๆ วันพุธที่ 22 ธันวาคม นั้นก็ปรากฏว่า ศบค.ได้มีมติจนเป็นข่าวพาดหัวยักษ์ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเรียบร้อยแล้วว่า ให้งดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
โดยเฉพาะวิธีการที่เรียกว่า “เทสต์แอนด์โก” คือฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเข้ามาปุ๊บตรวจปั๊บไม่เจออะไรก็ให้ออกท่องเที่ยวเลยนั้น ให้ระงับเอาไว้ก่อน ตั้งแต่ 21 ธันวาคม 2564 จนถึง 4 มกราคม 2565
ใครจะเข้าประเทศไทยต้องกลับไปใช้ระบบเดิม คือการกักตัวไว้ก่อน 14 วัน หรือไม่ก็ไปใช้ระบบ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ คือกักตัวแบบเที่ยวได้ในภูเก็ต ซึ่งยังคงใช้อยู่
แม้จะมีการผ่อนผันให้แก่ผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าในระบบเทสต์แอนด์โกไว้ก่อนแล้วจำนวนหนึ่ง…แต่ก็จะเพิ่มมาตรการตรวจแบบเข้มๆ ขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้มั่นใจในการคัดกรอง และป้องกันเจ้าโอมิครอนได้อย่างแท้จริง
แน่นอนการดำเนินการดังกล่าวนี้ย่อมจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดฮวบลงทันตาเห็น เพราะหากมาแล้วต้องกักตัวหลายวันใครจะอยากมา
เราจึงได้ยินเสียงคัดค้านจากผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวพอสมควร ทันทีที่ ศบค.มีมติใช้มาตรการดังกล่าว
สำหรับผมเองเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ ศบค.ครับ และก็คงต้องขอแสดงความเสียใจและเสียดายอย่างยิ่งสำหรับท่านที่อยู่ในธุรกิจการท่องเที่ยวที่กำลังจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง…ก็ต้องมาเจอมาตรการเข้มงวดเข้าอีก
แต่จะทำอย่างไรได้ ต้องยอมรับความน่าสะพรึงกลัวของเจ้าโอมิครอนที่คุณหมอระดับโลกเห็นพ้องกันแล้วว่าสามารถหลบหลีกวัคซีนได้ทุกยี่ห้อ และสามารถแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็วมาก
ในขณะที่ “อันตราย” ของมันแม้จะดูเหมือนว่าไม่ “มากนัก” จำนวนผู้เสียชีวิตดูจะไม่รุนแรงเท่า “เดลตา” แต่คุณหมอทุกประเทศก็ยังไม่สรุปฟันธง
มีแต่ออกมาขอร้องให้ช่วยกันป้องกัน และขอร้องให้ไปฉีดวัคซีน “บูสเตอร์” โดยด่วน เพราะยังมั่นใจว่าการบูสต์จะทำให้อันตรายน้อยลง
ทั้งสหรัฐฯ ทั้งยุโรป ออกมาตรการเข้มงวดในช่วงเทศกาลคริสต์มาสกันยกใหญ่…โปรตุเกสหันมาสั่งปิดบาร์ไนต์คลับแล้ว ส่วนเยอรมนีเพิ่ม คำสั่งห้ามจัดปาร์ตี้เกิน 10 คนก่อนคริสต์มาส และการเตะฟุตบอลหลัง 28 ธ.ค.เป็นต้นไป จะไม่มีคนดูอีกครั้งหนึ่ง
ถ้าเราดูจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นตอนเดลตาก็คือ…มันจะระบาดที่อื่นก่อน…ระบาดหนักมากจนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง…ในขณะที่ของเราสบายมากจนลืมตัวไปชั่วขณะนึกว่าเราชนะไวรัสแล้ว
แต่พอเดลตาเข้ามาเมืองไทยเท่านั้น เราก็ตกอยู่ในสภาพกรุงแตกทันทีผู้ติดเชื้อขึ้นหลัก 2 ล้าน ผู้เสียชีวิตขึ้นหลัก 2 หมื่นอย่างรวดเร็ว
การระวังระลอกนี้ล่วงหน้าจึงถูกต้องแล้ว…โอมิครอนจะร้ายไม่ร้ายยังไม่รู้ แต่มันระบาดเร็วมาก กันไว้ดีกว่าแก้ครับ…ผมเห็นด้วยกับกระทรวงสาธารณสุขครับที่เลิก “เทสต์แอนด์โก” เพื่อตัดวงจร.
“ซูม”