จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ขยายเป็นวงกว้าง และส่งผลกระทบทั่วประเทศ รวมไปถึงการเรียน การสอนในสถานศึกษาต่างๆ นำมาสู่การจัดทำโครงการ “โรงเรียน Sandbox Safety Zone in School” (SSS)
โดยความร่วมมือของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นมาตรการเปิดเรียนมั่นใจปลอดภัยไร้โรคโควิด-19 ในโรงเรียนประจำ ที่กำหนดว่าเมื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับวัคซีนเกิน 85% สามารถนำไปสู่การเปิดเรียนในรูปแบบไฮบริด คือ การเปิดเรียนที่มีทั้งนักเรียนอยู่ประจำและออนไลน์ โดยยึดมาตรการความปลอดภัยด้านสุขภาพของนักเรียนเป็นหลัก
ขณะนี้มีโรงเรียนที่อยู่ในโครงการดังกล่าวทั้งสิ้น 68 แห่ง โดยมีโรงเรียนที่ผ่านเกณฑ์การประเมินจำนวน 48 แห่ง ซึ่งโรงเรียนประจำนานาชาติ Rugby School Thailand ถือเป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งแรกๆ ที่จะเปิดเรียนภายใต้มาตรการ Sandbox Safety Zone จากโครงการดังกล่าว
คุณทยา ทีปสุวรรณ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนนานาชาติ Rugby School Thailand เปิดใจการดำเนินโครงการนี้ โดยยอมรับว่า การเปิดโรงเรียนถึงแม้จะเป็นระบบปิดก็มีความเสี่ยง แต่คิดว่าคุ้มค่า หากทำให้เด็กสามารถกลับมาใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อีกครั้ง เพราะทุกวันที่เสียไป คือ โอกาสในการพัฒนาทั้ง IQ และ EQ ของเด็กๆ ซึ่งหากเขาต้องนั่งหน้าจออยู่บ้านทั้งวัน มันส่งผลต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ จึงพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อให้เด็กๆ มีคุณภาพชีวิตที่เขาควรได้รับ
ดังนั้น เมื่อรัฐบาลเปิดให้โรงเรียนสมัครเข้าโครงการ Sandbox Safety Zone โรงเรียนจึงไม่รอช้าและเตรียมการเป็นอย่างดี ปัจจุบันครูและบุคลากรทั้งหมดของโรงเรียน มีการฉีดวัคซีนแล้ว 100% โดยกำหนดมาตรการจัดการเรียนการสอนใน Safety School Sandbox อย่างเข้มเข้นสำหรับนักเรียนประจำ ประกอบด้วย การเตรียมพื้นที่หอพักให้พร้อมสำหรับการอยู่ประจำของนักเรียนประถมปลาย และมัธยมทุกคนที่เข้าร่วมโครงการ โดยใช้ “18+3 Model” คือ อยู่ประจำที่โรงเรียน 18 วัน และกลับบ้าน 3 วัน (ถ้าเลือก), ตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดแบบ PCR ก่อนเข้าสู่ bubble และตรวจ ATK ทุกสปัดาห์ในระหว่างอยู่ใน bubble เพื่อให้เด็กๆ ได้ทำกิจกรรมกลุ่มในโรงเรียนอย่างปลอดภัย และตรวจอีกครั้งก่อนกลับบ้าน ขณะที่ครูผู้สอน และบุคลากรทางการศึกษาทุกคน จะอยู่ใน Safety School Zone โดยมีการตรวจ Antigen test ทุกสัปดาห์ พร้อมการสุ่มตรวจเป็นระยะ นอกจากนี้ ยังห้ามครูออกนอกบริเวณ Safety School Zone ส่วนอาหารทุกมื้อจะควบคุมอย่างเข้มข้นในการเตรียมและปรุงอย่างปลอดภัยในโรงเรียน โดยทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ และหากเกิดการติดเชื้อขึ้น เรามีแผน “เผชิญเหตุ” ที่รัดกุมและเข้มข้น เพื่อป้องกันการเกิด Cluster ในโรงเรียน
“โครงการนี้ต้องบอกว่า ยากมาก เพราะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายจริงๆ ตั้งแต่ครูใหญ่ ครูผู้สอน ครอบครัวครู บุคลากรสนับสนุนต่างๆ พยาบาล แม่บ้าน แม่ครัว พนักงานทำความสะอาด คนส่วน ช่าง ทุกคนต้องเข้ามาอยู่ใน bubble ทั้งหมด เสียสละมากๆ แต่เพื่อให้เด็กได้กลับมาสู่รั้วโรงเรียนอีกครั้ง เราพูดคุยกันแล้ว ทุกคนพร้อมมาก และทำงานด้วยสปิริตจริงๆ เราในฐานะผู้บริหาร เห็นโครงการไปได้ดี นักเรียน ผู้ปกครองมีความสุข มันก็หายเหนื่อย”
ในส่วนของมาตรการเกี่ยวกับกิจกรรมการสอน/กิจกรรมพิเศษ และกิจกรรมนอกห้องเรียน สำหรับเด็กที่เลือกจะไม่มาเรียนที่โรงเรียน จะมีการสอนออนไลน์ผ่านกระบวนการถ่ายทอดสดโดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย (Hyrbid Learning) ส่วนนักเรียนที่อยู่ใน Sandbox จะเรียนหนังสือในห้องเรียนกับครูผู้สอน เว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัย โดยในห้องเรียนมีจำนวนเด็กไม่เกิน 18 คน ในขณะที่การสอนนอกห้องเรียน เช่น กีฬา กิจกรรมต่างๆ สามารถทำได้ตามปกติ
คุณทยา กล่าวเสริมว่า เช่นเดียวกับฝ่ายสนับสนุนทั้งหมดของโรงเรียน ทั้งแม่บ้าน , คนสวน , ช่าง ,คนขับรถ ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนแล้วครบ 100% พร้อมมีการใช้มาตรการป้องกันโควิดอย่างเข้มข้น อาทิ สถานที่พักของพนักงานฝ่ายสนับสนุน อพาร์ทเมนท์ส่วนตัว ในพื้นที่ควบคุมที่ทำเป็น Bubble Location, รับประทานอาหารที่โรงเรียน 3 มื้อ, ตรวจค้นหาเชื้อโควิด-19 ด้วยพยาบาลทุกสัปดาห์และมีการสุ่มตรวจโควิดอย่างสม่ำเสมอ พร้อมมีรถบัสรับส่งประจำไป/กลับ จากที่พักถึงโรงเรียน เช่นเดียวกับฝ่ายอาหาร/โภชนาการ จะมีมาตรการเข้มข้นในการจัดส่งอาหารสด และส่งวัตถุดิบที่จุดรับส่งของที่ปลอดเชื้อโรค และมีการฆ่าเชื้อโรคก่อนนำเข้าโรงผลิตอาหาร
คุณทยา กล่าวว่า ทางโรงเรียนยังมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม โดยนำมาตรฐานของ Rugby School ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งประสบความสำเร็จในช่วงล็อคดาวน์มาใช้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง และนักเรียนเพิ่มเติม ประกอบด้วย การทำ PCR 48 ชม.ก่อนเข้ามาสู่ Safety Zone School รวมถึงการสร้างกลุ่มนักเรียนย่อยเป็นกลุ่มเล็กๆ และมีการใช้ระบบ ”ที่นั่งบังคับ” เพื่อการตรวจสอบหากลุ่มเสี่ยงง่าย ในส่วนของการจัดกิจกรรมพิเศษและกิจกรรมนอกเวลาเรียน จะเน้นจัดในกลุ่มย่อยๆ เพื่อป้องกันความเสี่ยงและลดการสัมผัส นอกจากนี้ ยังปรับพื้นที่รับประทานอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสอีกด้วย
โรงเรียน Rugby School Thailand ก่อตั้งขึ้นในปี 2560 ภายใต้ความร่วมมือของ วิสดอม เอ็นเตอร์ไพร์ส กับ Rugby School แห่งสหราชอาณาจักร หนึ่งในโรงเรียนเอกชนชั้นนำที่มีชื่อเสียงและได้รับความเชื่อถือมากว่า 455 ปี โดยเป็นโรงเรียนนานาชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไทย ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 1,400 ไร่ ในจังหวัดชลบุรี ชูจุดแข็งด้วยหลักสูตรพัฒนาการศึกษาแบบองค์รวม เน้นการพัฒนาศักยภาพเยาวชนรอบด้าน ภายใต้คุณภาพที่ควบคุมมาตรฐานอย่างเคร่งครัดจากประเทศอังกฤษ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.rugbyschoolthailand.com