ท่านที่ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวในระดับโลกอยู่ คงจะทราบดีแล้วว่า ณ นาทีนี้ 2 ประเทศระดับพี่เบิ้มที่เคยกินเกาเหลากันมาในอดีต และหันมาจับมือกินเส้นใหญ่ต้มยำรักใคร่กลมเกลียวกันอยู่หลายปี…แต่ในที่สุดก็หันมารับประทานเกาเหลาอีกจนได้
สหรัฐอเมริกากับจีนนั่นแหละครับ…เป็นข่าวแทบทุกวันถ้าจะว่าไปแล้ว มวยยักษ์คู่นี้ขึ้นเวทีชกกันตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กเมื่อ 70 กว่าปีก่อนโน้นด้วยซํ้า จำได้ว่า แถวๆ บ้านผมมีการแอบเปิดวิทยุขนาด 8 หลอด ฟังการออกอากาศของสถานีวิทยุปักกิ่งภาคภาษาไทย
จะได้ยินโฆษกหญิงชาวจีนที่พูดไทยเป๊ะมากด่าทอสหรัฐฯ ว่าเป็น “จักรวรรดินิยมอเมริกานักล่าเมืองขึ้น” ตั้งแต่เปิดสถานีไปจนจบ
ช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามเกาหลี ซึ่งเป็นสงครามระหว่างสหรัฐฯที่อ้างว่าไปในนามของสหประชาชาติกับกองทัพจีนที่ยกไปช่วยเกาหลีเหนือนั่นเอง
ต่อมาแม้สงครามเกาหลีจะยุติไปแล้ว แต่จีนกับสหรัฐฯ ก็ยังเป็นคู่ขัดแย้งกันมาอีกหลายปี…จนมาถึงยุคการทูต ปิงปอง เมื่อปี 2513 เมื่อนักกีฬา 2 ประเทศนี้ ไปแข่งกันในศึกปิงปองชิงแชมป์โลก ที่ญี่ปุ่น
จบการแข่งขันแล้วทางจีนก็เชิญนักปิงปองสหรัฐฯ ไปเยือนประเทศจีน ถือเป็นการเริ่มต้นฟื้นฟูสัมพันธ์ของ 2 ประเทศนี้อีกครั้ง
จากนั้นอีก 2 ปีต่อมา ประธานาธิบดีนิกสันก็ไปเยือนจีน…ได้พบท่านประธาน เหมา เจ๋อตุง และได้ไปยืนถ่ายรูปที่กำแพงเมืองจีน
นั่นคือมิถุนายน ปี 2515 ที่ทั้ง 2 มวยยักษ์เลิกชกกันหันมาจับมือกัน และก็เป็นคู่ค้าคู่ขายกันมาโดยตลอด
แต่จะเป็นเพราะค้าไปค้าไปประเทศจีนรวยเอารวยเอา ในขณะที่สหรัฐฯ ดูเหมือนรวยแต่ข้างในเริ่มกลวงขึ้นเรื่อยๆ…ดังนั้นมาถึงยุคคุณโดนัลด์ ทรัมป์ จึงเริ่มมีการประกาศสงครามการค้า โดยคุณทรัมป์เป็นฝ่ายเริ่ม และทางจีนก็ตอบโต้แบบไม่ลดละ
ครั้นเมื่อคุณทรัมป์ตกกระป๋องไปคุณ โจ ไบเดน ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ แทนที่สถานการณ์จะดีขึ้นกลับกลายเป็นหนักหนาสาหัสกว่าเดิมเสียอีกด้วยซํ้า
เพราะคุณ โจ ไบเดน ไม่ใช่แค่จะทำสงครามการค้าอย่างเดียว ยังพร้อมที่จะทำสงครามกับจีนในทุกรูปแบบเพื่อแสดงให้เห็นว่าพี่เบิ้มของโลกคือไอนะเฟ้ย ไม่ใช่ยู
คนเราเมื่อกลับมาไม่ชอบหน้ากันอีกหนก็ย่อมจะหาเรื่องทะเลาะในทุกเรื่องไป รวมทั้งในเรื่อง “โควิด-19” ด้วย
ยุคสมัยคุณทรัมป์มีการกล่าวหาว่า เชื้อไวรัสตัวนี้หลุดออกมาจากศูนย์วิจัยที่อู่ฮั่น พร้อมกับสร้างภาพว่า จีนเป็นต้นเหตุของการระบาด ทำให้คนอเมริกันไม่น้อยรู้สึกโกรธคนจีนแล้วก็พลอยโกรธคนเอเชียไปด้วย
มายุคคุณไบเดนก็ยังไม่ลดราเรื่องให้สอบหาสาเหตุและข้อเท็จจริง
ต่อมาเมื่อประเด็นเรื่องวัคซีนเป็นเรื่องสำคัญในการต่อสู้กับโควิด-19 และทั้ง 2 ประเทศนี้ ต่างก็ผลิตวัคซีนได้ทั้งคู่ จึงเกิดสงครามจิตวิทยาเรื่องวัคซีนขึ้นมาอีกสงครามหนึ่ง
เริ่มจากสื่อยักษ์ของสหรัฐฯ ที่จุดพลุมาก่อนว่า วัคซีนจีนด้อยกว่าวัคซีนสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ WHO ต่างก็ให้การยอมรับของทั้ง 2 ประเทศ
ที่ผมร่ายยาวมาทั้งหมดโดยย้อนหลังไปถึงประวัติศาสตร์ด้วยวันนี้ก็เพื่อจะบอกว่ามวยยักษ์คู่นี้หรือคชสารทั้ง 2 เชือกนี้หันมาชนกันอีกแล้ว
ปัญหาที่เราต้องระวังตัวก็คืออย่าตกไปอยู่ในท่ามกลางกระแสการชนเป็นอันขาด…ทางที่ดีที่สุดคือพยายามวางตัวเป็นกลางไว้ให้มากที่สุด
อย่าไปอวยอเมริกาจนเกินเหตุแล้วด้อยค่าจีนจนเขาทนไม่ไหว…ขณะเดียวกันก็อย่าเอาใจจีนจนคุณไบเดนเขาหาว่าเราเข้าข้างจีนก็แล้วกัน
ผมเห็นข่าวพาดหัวเมื่อ 2-3 วันก่อนว่ามีการถกเถียงเกี่ยงงอนไม่อยากให้ซื้อชุดตรวจ ATK ของจีนอีกแล้วก็ฝากให้ระวังกันไว้
หากของเขาไม่ดีจริง หรือใช้ไม่ได้เรื่องจริงๆ มีหลักฐานชัดเจนก็ว่ากันไป แต่อย่าไปคิดว่าไม่ดี เพราะอคติล่วงหน้าเป็นอันขาด
ในที่สุดเราก็ควรเป็นตัวของเราเองตัดสินใจด้วยตัวเราเองอย่างรอบคอบ และเลือกเอาสิ่งที่ดีที่สุ
ดสำหรับเรานั่นแหละครับ…ผมก็เพียงแต่ฝากเอาไว้ว่า
ช้างสารคู่เก่ากลับมาชนกันอีกแล้ว…พวกเราชาวหญ้าแพรกทั้งหลาย ดูเหนือดูใต้ให้ดีๆ…อย่าให้ช้างมาเหยียบเราก็แล้วกัน.
“ซูม”