ราวๆ หนึ่งวันหลังจากคุณอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดแถลงข่าวว่ากระทรวงสาธารณสุขจะฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อในเข็ม 2 หรือเข็ม 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด–19 สายพันธุ์ใหม่ สำหรับประเทศเราดังที่ทราบกันอยู่แล้วนั้น
ก็ปรากฏว่า หัวหน้ากลุ่มนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เป็นเชิงสวนเปรี้ยงเลยละครับ ว่ายังไม่ควรฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ หรือคนละยี่ห้อ ให้แก่ประชาชนในขณะนี้
จริงๆ แล้ว Dr.Soumya Swaminathan ที่ผมจะขออนุญาตเรียกชื่อแบบไทยๆ ว่า ดร.โสมญา สวามินาธาน ในฐานะผู้แทน WHO มิได้ให้สัมภาษณ์ “สวนหมัด” ท่านรองอนุทินของเราหรอกครับ…แต่เผอิญระยะเวลาห่างกันไม่นานนักจากของเราแถลง ผมก็ถือโอกาสนำมาโยงเอาไว้เพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ในบ้านเรา ซึ่งกำลังดำเนินการในเรื่องนี้พอดิบพอดี…ว่างั้นเถอะ
สาเหตุที่ ดร.โสมญาออกมาเตือนในครั้งนี้ก็เพราะขณะนี้หลายๆ ประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศที่มีรายได้ปานกลางและรายได้สูง กำลังจะหันมาฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อกันอย่างขนานใหญ่
โดยเฉพาะประเทศที่ผลิตวัคซีนได้เอง และฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนไปอย่างกว้างขวางแล้ว กำลังคิดถึงเรื่องนี้กันมาก
เธอกล่าวตอนหนึ่งว่า มันเป็นแนวโน้มที่อันตรายอย่างยิ่ง เพราะเรายังไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานออกมารองรับที่ชัดเจนในขณะนี้ ยังจะต้องมีการศึกษาอย่างลึกซึ้งต่อไปอีก และเราควรจะรอการศึกษาที่ชัดเจน
ทันทีที่ ดร.โสมญาแถลงและเป็นข่าวไปทั่วโลก ก็มีปฏิกิริยาสวนกลับมาเพียงไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง โดยเฉพาะจากหลายรัฐในประเทศแคนาดา
อย่างน้อยรัฐมนตรีสาธารณสุขของรัฐออนทาริโอ และอัลเบอร์ตา ได้ออกมาโต้แย้งในเวลาไล่เลี่ยกันว่า ทั้ง 2 รัฐจะเดินหน้าต่อ
เพราะได้มีการศึกษาในเรื่องนี้อย่างชัดเจนว่ามีผลดีในการเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกัน และไม่มีผลลบเฉพาะหน้า
ที่สำคัญประชาชนใน 2 รัฐนี้ จำนวนไม่น้อยฉีดสลับยี่ห้อกันไปแล้ว ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขของทั้ง 2 รัฐ ยืนยันว่าไม่ควรตระหนกตกใจ โดยที่รัฐออนทาริโอได้ฉีดแอสตราเซเนกาเข็มแรกและหันมาเสริมด้วย mRNA ในเข็ม 2 ไปแล้วจำนวนหนึ่ง
ผมยังไม่มีเวลาค้นหาข่าวจากประเทศอื่นๆ ว่ามีปฏิกิริยาต่อถ้อยแถลงของ WHO ในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง…ก็ขอยกตัวอย่างของรัฐบาลท้องถิ่นจาก 2 รัฐในแคนาดาไปพลางๆ ก็แล้วกัน
สำหรับของเราผมได้อ่านโพสต์ของคุณหมอ ยง ภู่วรวรรณ ทำให้ทราบว่าบ้านเราได้มีการทดลองฉีดสลับยี่ห้อเรียบร้อยและได้ผลดีมาก โดยเริ่มจาก ซิโนแวค ที่เป็นเชื้อตาย แล้วไป แอสตราเซเนกา ที่เขาเรียกว่าไวรัสเวกเตอร์ ทำให้ประสิทธิภาพป้องกันสูงขึ้นหลายเท่า
ยิ่งถ้าซิโนแวค 2 เข็มแล้วไปแอสตราเซเนกาที่เราจะฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ นักรบหน่วยหน้า ตัวเลขออกมา 8 เท่าเลย ทางคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติจึงมีมติให้ฉีดเสริมบุคลากรทางการแพทย์ด้วยแอสตราเซเนกาในเข็ม 3 ดังกล่าว
ผมเชื่อมือคุณหมอไทยเราอยู่แล้ว จึงเห็นด้วยกับมติล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุขที่แถลงเมื่อวันก่อน
แต่ขณะเดียวกันผมก็เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นของ ดร.โสมญาที่ว่า คนที่ยังไม่ได้รับการฉีดแม้แต่เข็มเดียวยังมีอยู่มากในโลกนี้ รวมทั้งในประเทศไทยเราด้วย
อย่าลืมเร่งฉีดเข็มแรกให้แก่คนที่ยังไม่ได้รับการฉีดเลยอย่างรีบด่วนนะครับ และขอย้ำว่าวัคซีนอะไรก็ได้ เพราะ ดร.โสมญาเธอย้ำว่าทุกยี่ห้อมีคุณค่าในการป้องกันและรักษาชีวิตทั้งสิ้น
สอดคล้องกับถ้อยแถลงของคุณหมอ ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ของไทยเรา เมื่อวานนี้ว่าคน “ป่วยหนัก” ที่มาศิริราชเพราะไม่ได้ฉีดวัคซีนและบางรายก็บอกว่าจะรอวัคซีนดี ซึ่งจะมาปลายปี ซึ่งท่านเกรงว่าจะช้าเกินไป เพราะฉะนั้นช่วงนี้มีโอกาสฉีดขอให้ฉีดก่อนเลย ถ้ามีความจำเป็นต้องเสริมก็ฉีดเสริมภายหลังได้
อะไรไม่อะไรที่ประเทศเจริญแล้วทั่วโลกดิ้นรนจะฉีดสลับยี่ห้อจน หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์ของ WHO เตือน หรือไม่ก็บูสเตอร์เข็ม 3 อยู่ในขณะนี้ ก็ล้วนแต่ “วัคซีนดีๆ” ที่บางท่านรอคอยนั่นเอง แสดงว่าต่อให้ดีแค่ไหนเจอไวรัสกลายพันธุ์ก็เอามันไม่อยู่
ประโยคหลังเนี่ย คุณหมอประสิทธิ์ไม่ได้พูด ผมพูดขึ้นมาลอยๆ เพื่อเตือนสติกันไว้เท่านั้นละครับ ฉะนั้นอย่ารอเลยฉีดได้ฉีดนะครับ.
“ซูม”