จับตาอังกฤษ “ปลดล็อก” สำรวจ “อาวุธ” สู้ “เดลตา”

เมื่อวานนี้ผมเรียนท่านผู้อ่านไว้ว่า ทั่วโลกกำลังจับตาดูอังกฤษ เพื่อเป็นกรณีศึกษา สำหรับมาตรการหรือวิธีการในการที่จะสู้รบปรบมือกับไวรัสมหาภัยโควิด-19 ที่ยังคงอาละวาดอย่างหนักในหลายๆ ประเทศทั่วโลกในขณะนี้

เหตุเพราะรัฐบาลอังกฤษ โดยท่านนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ยืนยันว่า ท่านจะ “ปลดล็อก” กฎกติกาอันเข้มข้นที่อังกฤษใช้สู้รบกับโควิด-19 มายาวนาน ในวันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคมที่จะถึง

เหตุผลสำคัญที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจเช่นนี้ก็เพราะเขาเชื่อมั่นใน โครงการ “ฉีดวัคซีน” ของเขาที่ล่าสุดกระจายออกไปอย่างกว้างขวาง ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่

ส่งผลให้แม้ทุกวันนี้สายพันธุ์เดลตา ซึ่งอาละวาดอยู่ในอังกฤษจะทำให้ยอดติดเชื้อใหม่ต่อวันกลับมาพุ่งกระฉูดถึงวันละ 30,000 กว่ารายอีกครั้งหนึ่ง…แต่จำนวนผู้เสียชีวิตกลับน้อยมาก แค่วันละ 20 หรือ 30 รายเท่านั้น และจำนวนผู้ป่วยหนักครองเตียงอยู่ก็แค่วันละ 400-500 ราย ทั้งประเทศ มิได้เป็นปัญหาแก่ระบบสาธารณสุขของเขาเลย

วันนี้เราลองมาดูกันต่อนะครับว่า อังกฤษใช้วัคซีนอะไรจึงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันและทำให้ประชาชนของเขาป่วยน้อยและเสียชีวิตน้อย แม้จะติดเชื้อมากมายขนาดนั้น

เท่าที่พอจะค้นหาได้จากข่าวและรายงานต่างๆ สรุปได้ว่ารัฐบาลอังกฤษสั่งซื้อวัคซีนที่ผลิตโดยเขาเอง คือแอสตราเซเนกาถึง 100 ล้านโดส รองลงมาคือไฟเซอร์จากสหรัฐฯ 40 ล้านโดส และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ของสหรัฐฯเช่นกัน 30 ล้านโดส

นอกจากนี้ ยังสั่งโมเดอร์นาอีก 50 ล้านโดส ซึ่งข่าวบอกว่ายังไม่มีการส่งมอบ แต่ก็พร้อมจะส่งมอบเร็วๆ นี้

ดูจากรายชื่อวัคซีนและปริมาณการสั่งก็น่าจะอนุโลมได้ว่า วัคซีนหลักที่ทำให้คนของเขาเสียชีวิตน้อยลง ป่วยหนักน้อยลง จนถึงขั้นตัดสินใจเลิกล็อกดาวน์ ก็คือแอสตราเซเนกานั่นเอง

บวกกับวัคซีนสหรัฐฯ หลายๆ ยี่ห้อที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้เป็นแรงหนุน แต่ที่ชัดเจนมากก็คือไม่มีวัคซีนจีนเลย ไม่ว่าซิโนแวค หรือซิโนฟาร์ม

ทีนี้เมื่อดูของเขาแล้วก็ลองมาดูของเราที่รัฐบาลกำลังดำเนินการและจะดำเนินการต่อไปในเรื่องวัคซีนกันบ้าง

ข้อมูลของผมอาจไม่ถูกต้องนักเพราะจดเอาไว้นานมาแล้ว แต่ก็คิดว่าคงจะนำมาใช้วิเคราะห์กว้างๆได้

สำหรับปี 2564 เราจองวัคซีนไว้แล้ว 105 ล้านโดส ซึ่งจะเป็นแอสตราเซเนกามากสุด คือ 61 ล้านโดส ซิโนแวค 19.5 ล้านโดส ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส…จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 5 ล้านโดส ฯลฯ

ทั้งนี้ยังไม่รวมวัคซีนทางเลือก เช่น ซิโนฟาร์ม ที่มีการสั่งเข้ามาฉีดแล้ว และโมเดอร์นาที่ภาคเอกชนจะสั่งเข้ามาในอนาคต

ดูตามโครงสร้างแล้วก็พออุ่นใจที่มีแอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนหลัก เกินกว่าครึ่งหนึ่งของวัคซีนทั้งหมด

ในขณะที่ไฟเซอร์ ที่ผู้คนกลุ่มหนึ่งชื่นชมก็มีประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์รวมแล้วแอสตราเซเนกากับไฟเซอร์จะสูงถึง 70 กว่าเปอร์เซ็นต์

จะมีซิโนแวคที่มักเป็นข่าวในทำนองว่ามีปัญหาโน่นนี่จนทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยไขว้เขวประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

แต่เนื่องจากซิโนแวคเป็นวัคซีนที่เราสั่งมาได้ง่ายกว่ายี่ห้ออื่น จึงสั่งเข้ามาก่อน และช่วงแรกก็ใช้กับบุคลากรทางการแพทย์ด้วย จึงมีผลออกมาก่อนทุกยี่ห้อ ดังที่เป็นข่าวในเชิงชวนให้หวาดหวั่นอยู่ในขณะนี้

ผมก็ขอให้กระทรวงสาธารณสุขรีบทำความเข้าใจและชี้ข้อเท็จจริงแก่ประชาชน โดยเน้นประเด็นว่าการฉีดวัคซีนย่อมจะช่วยลดอัตราเสี่ยงต่างๆ ลงได้ และดีกว่าการไม่ฉีดอย่างแน่นอน

การสูญเสียอาจมีบ้าง ซึ่งก็จะเกิดกับทุกวัคซีน เพราะไม่มียี่ห้อไหนจะมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมร้อยเปอร์เซ็นต์ไปได้

ขณะเดียวกัน ขอให้เราเร่งรัดเดินหน้าการฉีดต่อไป พร้อมกับเจรจาให้ยี่ห้อต่างๆ ที่คนเชื่อมั่นเข้ามาได้เร็วกว่ากำหนดก็จะสร้างขวัญกำลังใจได้มาก โดยเฉพาะแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นวัคซีนหลักที่ใช้ในอังกฤษ จนเป็นผลทำให้อังกฤษกล้าพอที่จะปลดล็อกได้

ยี่ห้อนี้เป็นวัคซีนหลักของเราด้วย แถมโรงงานก็อยู่ในไทย ทำอย่างไรจะให้มาได้เร็วๆ…ฝากรัฐบาลไว้ด้วย เผื่อเราจะมีโอกาสเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์กับเขาบ้าง แค่รำไรๆ ก็ยังดีกว่ามืดสนิทว่างั้นเถอะครับ.

“ซูม”

ข่าว, โควิด 19, ฉีดวัคซีน, แอสตราเซเนกา, อังกฤษ, ซูมซอกแซก