เปิดใจ “บัณฑูร ลํ่าซำ” จาก K Bank สู่ป่าน่าน (2)

ผมกับคุณระวิ โหลทอง ไปจิบนํ้าชาที่ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานใหญ่พหลโยธิน เมื่อเวลา 10 โมงเช้าเศษๆ ของวันจันทร์ที่ 20 เมษายน หลังคุณบัณฑูร ลํ่าซำ พ้นตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย และทุกตำแหน่งที่มีอำนาจและหน้าที่ตามกฎหมายของธนาคารแห่งนี้มาได้ 13 วันเต็มๆ

คุณปั้นมาในชุด สูทสปอร์ต สีเทา ไม่ผูกไท น่าจะเป็นสูทตัวเดียวกับที่เขาสวมหลังเตะฟุตบอลประเพณี K Bank กับ สยามกีฬา แล้วมานั่งหัวโต๊ะเป็นประธานในงานเลี้ยงนักฟุตบอลอาวุโสของทั้ง 2 ฝ่ายตอนคํ่า

“ผมไม่ได้มาทำงาน แค่มายืมห้องรับแขกธนาคารเขาสำหรับคุยกับพี่ๆ เลยมาแบบสบายๆ…ช่วงนี้ผมยังไปน่านไม่ได้ครับ ถ้าไปก็ต้องไปโดนกักตัวที่โน่น 14 วัน ก็เลยต้องอยู่กรุงเทพฯ ต่อ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน ทำให้ผมมีเวลามาเคลียร์งานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อส่งไม้ต่อให้น้องๆ”

คุณปั้นเป็นฝ่ายเริ่มขึ้นก่อนอย่างกันเอง ก่อนจะชวนจิบนํ้าชาไป คุยกันไปเกือบ 1 ชั่วโมงเต็มๆ

เริ่มด้วยคำถามที่ว่า ทำไมถึงลาออกจากทุกตำแหน่งจนช็อกกันไปหมด? คุณบัณฑูรตอบเหมือนที่ตอบผ่านการแถลงข่าวทางเฟซบุ๊กไลฟ์ไปแล้วว่า เพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุด เรามีผู้รับช่วง ที่แข็งขันและเป็นที่เชื่อมั่นว่าจะรับภาระหน้าที่ในการบริหารธนาคารกสิกรไทยต่อไปได้อย่างราบรื่น

ประธานใหม่ คุณ กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร มีประสบการณ์ทั้งในฐานะนักธุรกิจและเคยผ่านงานด้านการเมืองมาแล้ว…ซีอีโอใหม่ คุณ ขัตติยา อินทรวิชัย อยู่กับธนาคารมานาน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และลึกๆ ลงไปอีกทุกตำแหน่งบริหารของเราก็ผ่านงานกันมานานมากมีความรู้ มีประสบการณ์ครบถ้วน

ระบบของเราก็ดี สถานการณ์ทุกอย่างดีหมด ยุทธศาสตร์ถูกต้อง ทิศทางถูกต้อง ผมยืนยันได้ว่าไม่มีอะไรรุ่งริ่งเลย การลงจากตำแหน่งในช่วงที่ธนาคารมีความพร้อมอย่างทุกวันนี้ จึงเป็นห้วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด

คุณบัณฑูรยอมรับว่าเขาตัดสินใจตั้งแต่ช่วงปลายๆ ปี ซึ่งตอนนั้นโรคโควิด-19 เพิ่งระบาด และยังไม่มีวี่แววจะสะเทือนไปทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งประเทศไทยเราอย่างทุกวันนี้ ต่อมาสถานการณ์หนักขึ้นเรื่อยๆ และน่าจะมีผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมากทั้งแก่โลกและประเทศไทย

สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขาต้องคิดใหม่อยู่เหมือนกัน แต่ในที่สุดก็ยืนยันความคิดเดิม เราต้องเชื่อคนของเราและระบบของเราว่าจะสู้ได้ ที่สำคัญจะเป็นการพิสูจน์ฝีมือของผู้บริหารชุดใหม่ด้วย

“ผมเป็นซีอีโอตอนปี 2535 พอปี 2540 เจอต้มยำกุ้งเลยเหนื่อย แทบตายกว่าจะฟื้นกลับมาได้ แต่พอทำได้ก็รู้สึกภูมิใจ…ครั้งนี้ก็เช่นกัน จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือผู้บริหารรุ่นใหม่ของเรา ซึ่งผมเชื่อว่าพวกเขา
ทำได้แน่นอน”

คุณปั้นบอกด้วยว่า คณะกรรมการเกือบไม่ยอมให้เขาลาออกเพราะ เจ้าโควิด-19 นี่แหละ จนเขาต้องอธิบายเหตุผล และในที่สุดก็ยํ้าว่า ถึงยังไงๆ ผมก็ไม่ไปไหนไกลหรอก ยังเป็นคนของธนาคารกสิกรไทยเต็มตัว ปรึกษาผมได้ตลอดเวลา คณะกรรมการถึงได้ยอม

“แม้ผมจะพ้นจากทุกตำแหน่งที่เป็นทางการของ K Bank แต่ผมยังเป็นคนของ K Bank นะครับ อย่าลืมว่าผมจะไปทำงานที่น่าน…โครงการใหญ่มาก ต้องอาศัยทั้งทุนทรัพย์และบารมี เพราะแบบไทยๆ เรา ต้องมีบารมีถึงจะไปทำงานใหญ่แบบนั้นได้ ถ้าหลังผมไม่อิงกสิกรไทยอยู่ ผมจะไปทำงานได้ยังไงล่ะ”

อย่างไรก็ตาม คุณบัณฑูรเชื่อว่าคงไม่มีใครไปปรึกษาเขามากนัก เพราะผู้บริหารใหม่ของธนาคารต่างก็มีฝีมือ มีประสบการณ์สูงทุกคน รวมทั้งคณะกรรมการทั้งชุดก็ล้วนมือระดับหัวกะทิของภาคเอกชนทั้งสิ้น

ทำให้เขามั่นใจว่า ด้วยโครงสร้างและกลไกที่มีการพัฒนามาโดยตลอดตั้งแต่ยุค รีเอ็นจิเนียริ่ง มาจนถึงวันนี้ จะทำให้ K Bank ยุคใหม่ เดินหน้าไปได้ด้วยทีมเวิร์กและระบบการทำงานที่ไม่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล

คุณบัณฑูรไม่ได้สรุป แต่ผมถือโอกาสสรุปของผมเองว่านี่คือสาเหตุสำคัญที่เขาตัดสินใจอำลาจากทุกตำแหน่งบริหารของธนาคารกสิกรไทย เพื่อไปทำโครงการที่เขารักที่จังหวัดน่าน

เพราะเขามั่นใจแล้วว่า ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่น่าน หรือที่ไหน K Bank ก็จะสามารถเดินหน้าไปได้ด้วยกงล้ออันแข็งแกร่งของธนาคารเอง.

(อ่านต่อวันจันทร์ “โควิด-19” ในทัศนะ บัณฑูร ลํ่าซํา)

“ซูม”