หมายเหตุ 2 “ข่าวใหญ่” ยุบอนาคตใหม่+เศรษฐกิจเซ

ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ช่วงบ่ายๆ ของวันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ หนังสือพิมพ์ทุกฉบับที่วางอยู่บนโต๊ะพาดหัวข่าวใหญ่ 2 หัว เหมือนกันทุกฉบับ

หัวใหญ่สุด 3 ชั้นบ้าง 2 ชั้นตัวโตๆ บ้าง ได้แก่ข่าวศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 7-2 ยุบพรรคอนาคตใหม่พร้อมตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคทุกคนเป็นเวลา 10 ปี

ในขณะที่หัวใหญ่รองลงมาเป็นข่าว “นายกฯ เร่งฟื้นเศรษฐกิจ ผลพิษไวรัสระบาด กระทบท่องเที่ยว” พร้อมรายละเอียดสรุปได้ว่า “บิ๊กตู่” เรียก “สมคิด-อุตตม” ถกฟื้นเศรษฐกิจจากพิษไวรัสโควิด-19 ด่วน

ในความเห็นส่วนตัวของผมทั้ง 2 ข่าวมีผลกระทบต่อประเทศไทย ค่อนข้างมาก และจะเป็นไปในทางลบด้วยกันทั้งคู่

โดยเฉพาะข่าวแรกเกี่ยวกับการยุบพรรคอนาคตใหม่นั้นจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคมไทยมากขึ้น และอาจนำไปสู่ความรุนแรงได้ในวันข้างหน้าขึ้นอยู่กับว่า “พรรคอนาคตใหม่” ซึ่งจะกลายเป็น “คณะอนาคตใหม่” หลังจากนี้นั้นจะเคลื่อนไหวอย่างไรต่อไป

ถ้าเคลื่อนไหวภายใต้กรอบแห่งกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ออกมาเล่นการเมืองในท้องถนน ความรุนแรงต่างๆ คงไม่เกิดหรือเกิดก็ไม่มากนัก

แม้ความร้าวลึกของการแตกแยกโดยเฉพาะในแนวคิดหลักๆ ของกลุ่มผู้ศรัทธาพรรคอนาคตใหม่กับบุคคลทั่วๆ ไปที่แม้ไม่ใช่ผู้สนับสนุนแนวคิดเผด็จการ หรือการสืบทอดอำนาจ คสช.แต่ก็ไม่เห็นด้วย และรับไม่ได้กับความคิดของพรรคอนาคตใหม่ (เดิม) จะมีมากขึ้น

แต่ก็จะเป็นไปในลักษณะคุมเชิง หรือกระทบกระทั่งผ่านคำพูดจาและการโพสต์ข้อเขียนในโซเชียลต่างๆ เสียมากกว่าการออกมาเผชิญหน้ากันด้วยฝูงชนหาก “คณะอนาคตใหม่” จะเคลื่อนไหวอย่างสงบและสันติอย่างที่กล่าวไว้

ผมภาวนาขอให้ทุกๆ ฝ่ายเคารพกฎหมาย และไม่ว่าจะมีการ เคลื่อนไหวใดๆ ขอให้ดำเนินอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น

เพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของผู้คนส่วนใหญ่ในสังคมไทย และเพื่อการก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นคงของประเทศไทยในทุกๆด้าน

เราทะเลาะกันมามากพอแล้วเราใช้เท้า (เดินขบวน) และใช้ปาก (ขึ้นปราศรัยด่าทอ) มามากแล้วถึงเวลาที่จะต้องใช้สมอง ใช้สติ ใช้ปัญญากันได้แล้วครับ

สำหรับผลกระทบของข่าวที่ 2 ซึ่งแม้จะพาดหัวเล็กกว่า แต่สำหรับผมแล้วมีความสำคัญมากกว่า และเป็นประเด็นที่รัฐบาลจะต้องรีบดำเนินอย่างเร่งด่วน ด้วยความชาญฉลาด และซื่อสัตย์สุจริต เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกตํ่า อันเนื่องมาจากการระบาดของ “ไวรัส” มหาภัยสายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลกระทบรุนแรงเกินกว่าที่คาดไว้

เพื่อนรุ่นน้องผมคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงจากการท่องเที่ยว เพิ่งจะปิดสำนักงานสาขาที่เป็นแหล่งผลิต และขายเพชรพลอยเครื่องประดับของเขาไป 3 แห่ง

แต่ละแห่งมีคนงานฝากผีฝากไข้ไม่ตํ่ากว่า 300-400 คน

เขาใช้คำว่าปิด “ชั่วคราว” เพราะแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่ารัฐบาลอาจจะมีมาตรการเด็ดๆ อะไรมาฟื้นฟูการท่องเที่ยวได้บ้าง และขณะเดียวกันหากแม้รัฐบาลไม่มีนํ้ายาอะไร เขาก็หวังว่าไวรัสตัวร้ายจะระบาดไม่เกินเมษายน หลังจากนั้นจีนจะเอาอยู่ ดังที่เคยมีข่าวเมื่อเร็วๆนี้

ผมก็ได้แต่ให้กำลังใจเขา และร่วมภาวนาไปกับเขาขอให้รัฐบาลจงมีนํ้ายา และขอให้ไวรัสโควิด-19 จงโดนคุณหมอของทุกประเทศปราบอยู่หมัดได้จริงๆ ในเดือนเมษายนอย่างที่ทุกฝ่ายหวังกันไว้

ไม่เฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวเท่านั้นหรอกที่กระอัก จริงๆ แล้วอีกหลายๆ ธุรกิจก็พลอยไปไม่รอด เพราะมันโยงถึงกันหมด

ในความเห็นของผมข่าวที่ 2 จึงมีความสำคัญกว่าข่าวแรก เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่า และมีผลกระทบโดยตรงแก่ผู้คนจำนวนมากกว่า

ผมตระหนักดีว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ถ้ารัฐบาลรู้ปัญหาจริง แก้ด้วยความตั้งใจและจริงใจ ย่อมจะมีผลสำเร็จไม่มากก็น้อย

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คนฉันใด…ปัญหาเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากไว้รัสมหาภัยตัวนี้ กำลังจะพิสูจน์ “สมคิด-อุตตม” บุคคลในข่าวที่บิ๊กตู่เรียกพบถกปัญหาด่วนข้างตัน

ผมเอาใจช่วยเต็มที่ ขอให้รัฐบาลประสบชัยชนะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้สำเร็จนะครับ เพราะอย่างที่เคยเขียนไว้แล้ว ถ้ารัฐบาลแพ้ เราก็แพ้ด้วย เดือดร้อนกันทั่วหน้าทั้งประเทศไทย.

“ซูม”