วิธีกำจัดความเครียด หลังอ่านข่าวการเมือง

ผมอ่านคำเตือนและความห่วงใยของท่านอธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ที่มีต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยซึ่งติดตามข่าวคราวการเลือกตั้ง 24 มีนาคม กันอย่างเข้มข้น ที่ทีมงานข่าว สาธารณสุข หน้า 12 ไทยรัฐ ไปสัมภาษณ์มาแล้ว ก็ต้องขออนุญาตหยิบมาขยายความต่ออีกทอดหนึ่งในวันนี้

เพราะผมเองก็รู้สึกเป็นห่วงแฟนๆ การเมืองเช่นเดียวกับท่านอธิบดี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต เช่นกัน

เนื่องจากในเกมการหาเสียงซึ่งจะต้องแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อช่วงชิงที่นั่ง ส.ส. อันจะส่งผลไปถึงการช่วงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในที่สุดด้วยนั้น ย่อมจะต้องมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ

ผู้ชนะคงไม่เป็นไร เพราะย่อมจะดีใจและมีความสุขความอิ่มเอิบจากความสมหวังเป็นของธรรมดา

แต่ผู้แพ้นี่ซิ อาจจะเกิดความผิดหวัง เกิดความเสียใจและเสียดายจนมีอาการเครียด หรือเกิดภาวะเครียดตามมาด้วยก็เป็นได้

ในกรณีผู้แพ้ที่เป็นผู้สมัคร ส.ส. หรือนักการเมืองต่างๆ คุณหมอท่านคงไม่ห่วงอะไรมากนัก เพราะเป็นมืออาชีพและมีความคุ้นเคยในการต่อสู้ ในการแข่งขัน มีแพ้ มีชนะ สอบได้ สอบตกกันมาหลายหน

ที่คุณหมอท่านห่วงมากๆ ได้แก่ บรรดา “กองเชียร์” หรือพี่น้องประชาชนที่ทุ่มใจให้แก่พรรคการเมือง หรือนักการเมืองที่ตัวเองชื่นชอบ ซึ่งในยุคหลังๆ นี้ เกิดขึ้นแก่ประชาชนกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศ

มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีการทุ่มเถียงเอาแพ้เอาชนะกันเอง แม้แต่ในครอบครัวเดียวกันก็ยังเชียร์คนละพรรคการเมือง

ประชาชนเหล่านี้แหละครับที่คุณหมอท่านเกรงว่าอาจจะเกิดความเครียดเวลาที่นักการเมือง หรือพรรคการเมืองที่ตัวเองทุ่มใจเชียร์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง

ท่านจึงฝากผู้สื่อข่าวสาธารณสุขของไทยรัฐ มาเตือนพี่น้องทุกหมู่เหล่า ขอให้ใช้สติ ใช้ปัญญารู้จักอดทน อดกลั้นในการติดตามข่าวการเมือง หรือไปฟังคำปราศรัย หรือการหาเสียงของนักการเมืองในช่วงนี้

รวมทั้งฝากข้อปฏิบัติเรียงเป็นลำดับไว้ 5 ข้อ เพื่อเป็นคู่มือในการติดตามข่าวการเมืองให้ไกลความเครียด โดยสรุปดังต่อไปนี้ครับ

1.ควรแบ่งเวลาติดตามข่าวอย่าให้นานเกิน 2 ชั่วโมงในแต่ละวัน

2.ทำกิจวัตรประจำวันให้เป็นปกติ หันเหความสนใจไปเรื่องอื่นๆ สลับฉากเสียบ้าง

3.เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง โดยไม่ดูข่าวหรือรับข้อมูลเพียงด้านเดียว ควรเปิดกว้างและรับข่าวสารที่แตกต่างควบคู่ไปด้วย

4.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

5.ผ่อนคลายความเครียด เช่น การออกกำลังกาย ทำสมาธิเบื้องต้น หากอาการยังไม่ดีขึ้น เช่น ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ หรือมีความเครียดรุนแรง สามารถขอรับคำปรึกษาที่สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ได้ตลอดเวลา

ข้อสุดท้ายสำคัญมาก ถ้าไม่หายเครียดหรือเครียดหนักขึ้นมาละก็ ปรึกษาสายด่วนที่ท่านอธิบดี กรุณาแจ้งไว้ได้เลย

ผมเห็นด้วยกับท่านอธิบดีกรมสุขภาพจิตครับ โดยเฉพาะที่ท่านแสดงความห่วงกังวลว่าในช่วงหลังๆ คนไทยเรามักจะจริงจังกับการเมือง มากเกินไปจนนำไปสู่ความคิดที่อยากจะเอาชนะ อยากตอบโต้ อยากจะสวนกลับ ซึ่งบ่อยครั้งก็นำไปสู่ความรุนแรง

เพราะในยุคก่อนๆ นักการเมืองมักจะมีอารมณ์ขัน เหน็บแนม หรือวิจารณ์กันแบบขำขัน ในขณะที่ฉายาต่างๆ ที่สื่อ โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ยุคโน้นตั้งให้นักการเมืองก็ออกมาในแนวขำขันเป็นส่วนมาก

ผมเองก็ยังเคยเขียนนิยายจีนกำลังภายในล้อการเมืองชุด “เซี่ยมล้อ ยุทธจักร” เรียกเสียงเฮเสียงฮาอยู่หลายปีในยุคป๋าเปรม

แต่เดี๋ยวนี้แทบไม่มีอารมณ์ขันกันเลยครับ มีแต่ลูกดุดันเอาเป็นเอาตาย เหมือนจะปลิดชีพกันภายในกระบี่เดียวแบบหนังจีนไปเสียหมด

ความเครียดจึงเกิดขึ้นแก่พี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าวการเมือง จนคุณหมอเกิดความห่วงใย ดังที่ท่านให้สัมภาษณ์เอาไว้

โปรดกรุณารับยาแก้เครียด 5 ข้อ ไปปฏิบัติกันด้วยนะครับ…และอย่าไปคิดอะไรมาก ติดตามข่าวการเมืองอย่างสบายๆ รวมทั้งเดินผิวปากไปออกเสียงด้วยความสบายใจกันทุกๆ ท่านนะครับ

ใครจะสอบได้ใครจะสอบตก? ใครจะเป็นนายกฯ? อย่าไปซีเรียสมากเลยครับ รักษาสุขภาพจิตของเราให้ดีไว้ก่อน…แล้วทุกอย่างก็จะค่อยๆ ดีขึ้นมาเอง!

“ซูม”