ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ข่าวหน้า 1 ของไทยรัฐ ยังคงพาดหัวเกี่ยวกับ “ฝุ่นละอองจิ๋ว” อย่างต่อเนื่อง ระบุว่า กทม.ยังคงขมุกขมัว แม้ฝนจะตกลงมาบ้าง แต่สถานการณ์ยังคงน่าห่วง
ไทยรัฐรายงานด้วยว่า นายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่” ห่วงใยเรื่องนี้มาก แม้จะนั่งประชุม ครม.สัญจรอยู่ที่ลำปางก็ยังสั่งการให้ “บิ๊กฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการหาทางแก้ไขเยียวยาอย่างเร่งด่วนแล้ว
ผลการประชุมออกมาอย่างไร? ได้มาตรการสำหรับแก้ไขทั้งระยะสั้นระยะยาวอย่างไร? ป่านฉะนี้ท่านผู้อ่านคงจะทราบกันแล้วนะครับ
ต้องยอมรับครับว่า “เจ้าฝุ่นจิ๋ว” หรือ “ฝุ่นพีเอ็ม 2.5” ที่ว่านี้พิษสงร้ายกาจจริงๆสร้างความตระหนกตกใจ และความหวาดผวาให้แก่คนกรุงเทพฯพอสมควรทีเดียวในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมานี้
ส่งผลให้คนกรุงเทพฯ หันมาสวมหน้ากากกันทั่วไปหมด ผมนั่งรถ BTS มาหลังโรงพิมพ์วันนี้ ประมาณการได้ว่า เกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ของผู้โดยสารเลยทีเดียวที่สวมหน้ากากอนามัย
ผมก็สวมกับเขาเหมือนกันครับแรกๆ ก็ใช้หน้ากากปกติที่ซื้อมาจากเซเว่น 2 ชิ้น 18 บาท แม้จะรู้ว่าป้องกันได้ไม่เท่าไร แต่หาซื้อแบบ N95 ที่คุณหมอบอกว่าป้องกันพิษฝุ่นจิ๋วได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ เพราะผู้คนแห่ไปซื้อจนเกลี้ยงร้านขายยาทุกแห่งก็เลยต้องหาอย่างธรรมดามาสวมไว้ก่อนดีกว่าไม่มีอะไรป้องกัน
ต่อมาญาติเพื่อนรายหนึ่งเพิ่งกลับจากอเมริกา ลูกหลานทางนี้ไลน์ไปบอกให้ซื้อจากทางโน้นติดมือมาด้วย เขาก็เลยซื้อมาถุงใหญ่แบ่งปันมาให้ผม 3 ชิ้น
เป็น N95 ที่จำหน่ายใน Home Depot ร้านค้าแบบแม็คโคร โลตัสของบ้านเรานั่นแหละครับ พิมพ์ภาษาอังกฤษข้างๆ หน้ากากกำกับมาด้วยอย่างชัดเจน
รูปร่างลักษณะคล้ายๆ กับ “ยกทรง” ข้างเดียวขนาดเขื่องพอสมควร มีหัวจุ๊บอยู่ตรงกลาง ยิ่งดูยิ่งเหมือนยกทรงมาก เจ้า N95 ที่ซื้อมาจากอเมริกาเนี่ย เวลาผมครอบจมูกเข้าไปแล้วจึงดูเหมือนใครเอายกทรงข้างหนึ่งมาแปะไว้บนใบหน้าผมยังไงยังงั้นซีน่ะ
เพื่อนบอกมาด้วยว่าให้ใช้ชิ้นละ 2-3 วัน อย่าให้นานไปกว่านั้น พอเริ่มคลํ้าๆ แล้วก็ให้เปลี่ยน
ผมก็ได้แต่หวังว่า “บิ๊กฉัตร” ท่านจะสามารถ “บูรณาการ” แก้ปัญหาฝุ่นจิ๋วที่ว่านี้ให้ลดน้อยลงหรือคลี่คลายลงจนพ้นขีดอันตรายในเร็วๆนี้นะครับ
เพราะผมมี “ยกทรง” ที่ว่านี้อีกแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น (เอามาใช้แล้ว 1 ชิ้น) ถ้าใช้เรต 3 วันเปลี่ยนทีก็คงจะใช้ได้อีก 6-7 วันเท่านั้นเอง
ผมเชื่อว่าการแก้ปัญหามลภาวะ “ฝุ่นจิ๋ว” แม้จะเป็นเรื่องยากลำบากไม่น้อย แต่ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกันจริงจังก็คงจะเป็นผลสำเร็จอย่างแน่นอน
เหมือนอย่างที่รัฐบาลจีนเคยแก้ปัญหาหมอกควันและมลพิษในปักกิ่ง จนสำเร็จมาแล้ว
ผมจำได้ว่า หลายปีก่อนโน้นผมเคยไปปักกิ่งเจอปัญหาหมอกควัน จนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ยังกลับมาเขียนนินทาเขาว่า ปักกิ่งยุคนั้นเป็น “เมืองในหมอก (ควัน)” ไปแล้ว ไม่ใช่ “เมืองหิมะละลาย” อย่างนิยายเรื่อง “เมื่อหิมะละลาย” ของ สด กรูมะโรหิต ที่ผมเคยอ่านตอนเด็กๆ แต่อย่างใดทั้งสิ้น
หลายปีต่อมาได้ข่าวว่ารัฐบาลจีนเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง จัดการจนอยู่หมัด ทำให้ปักกิ่งได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีอากาศดีติดอันดับต้นๆ อย่างเหลือเชื่อ เมื่อปีที่แล้วนี่เอง
ก็ลองเอาแบบอย่างหรือ “โมเดล” ของเขามาปรับใช้กับบ้านเราดูนะครับ เพื่อจะประสบผลสำเร็จแบบเขาบ้าง
ผมขอให้กำลังใจบิ๊กฉัตรอีกครั้ง และขอให้ท่านสามารถ “บูรณาการ” แก้ปัญหา “ฝุ่นจิ๋ว” ได้สำเร็จในที่สุด…แก้ได้ทั้งระยะสั้นคือปัจจุบัน และระยะยาวไม่มีปัญหากลับมาอีกว่างั้นเถอะ
แต่ยังไงๆ ขอระยะสั้นก่อน ขอให้แก้ได้ใน 4–5 วันนี้นะครับ… ไม่ใช่อะไรหรอก เจ้าหน้ากากคล้ายยกทรงสตรี N95 ของผมจะใช้ได้อีก 5–6 วันเท่านั้น หมดแล้วผมจะไปหาซื้อที่ไหนได้ล่ะ ในประเทศไทยเพราะตอนนี้ได้ข่าวว่ากลี้ยงตลาดแล้วจริงๆ
“ซูม”