ผมได้รับเอกสารข่าวหรือที่เรียกกันว่า “ข่าวแจก” จากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เกี่ยวกับ “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย 2562” ที่จะจัดขึ้น ณ สวนลุมพินี วันที่ 23-27 มกราคมนี้ ปึกเบ้อเริ่ม
เป็นงานที่จัดขึ้นทุกๆ ปี โดยเฉพาะช่วงหลังๆ มาจัดที่สวนลุมพินี ผมตามไปเขียนซอกแซกมาให้หลายครั้ง
เจตนารมณ์ก็เพื่อที่จะปลุกกระแสไทยเที่ยวไทย ให้คนไทยเราออกท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ มากขึ้น เพื่อกระจายรายได้ไปสู่พี่น้องชาวจังหวัด โดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวระดับรองๆ
ผมขอขยักไว้เขียนให้อีกทีในคอลัมน์ “วันเสาร์” ซึ่งเป็นคอลัมน์เปลี่ยนบรรยากาศชวนไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ประจำสัปดาห์นะครับท่านผู้ว่าการฯ
เพราะวันนี้อยากจะเขียนถึงมาตรการกระตุ้นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งผมเห็นว่าในทางเศรษฐกิจจะได้ประโยชน์มากกว่าพวกเราเที่ยวกันเอง
คงจะทราบกันแล้วว่า หลังจากยอดนักท่องเที่ยวทรุดฮวบลง อันเป็นผลมาจากกรณีเรือล่มที่ภูเก็ต บวกกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมของ รปภ.ต่อนักท่องเที่ยวจีน ฯลฯ
รัฐบาลก็ประกาศแก้เกมด้วยการยกเลิกค่าวีซ่า ณ ช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองให้แก่นักท่องเที่ยว 21 ประเทศ ผลปรากฏว่าทำให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ยกตัวอย่างที่สุวรรณภูมิ ช่วงที่ยังเก็บค่าวีซ่า ณ ช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองอยู่ มีนักท่องเที่ยวเพียง 190,543 คน แต่พอเลิกเก็บเพียงเดือนครึ่งเท่านั้น จาก 15 พ.ย. ถึง 31 ธ.ค. มีผู้โดยสารถึง 521,435 คน เพิ่มขึ้น 330,892 คน หรือ 123 เปอร์เซ็นต์
รวมทั้งที่ดอนเมืองตอนเก็บค่าธรรมเนียมแค่ 121,749 คน พอยกเลิกเดือนครึ่งเช่นกัน กลายเป็น 269,496 คน หรือเพิ่มขึ้น 183 เปอร์เซ็นต์
ที่ภูเก็ตก็เพิ่มเยอะเช่นกัน ประมาณ 128 เปอร์เซ็นต์เห็นจะได้ ส่วนที่เชียงใหม่นั้นเพิ่มถึง 246 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจึงเสนอให้ฟรีต่อไป จนถึงวันที่ 30 เมษายน ทะลุตรุษจีนไปจนถึงวันสงกรานต์โน่นเลยครับ ซึ่งคณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมัติไปเรียบร้อย เดินหน้าฉีดยาแรงต่อ ว่างั้นเถอะ
สำหรับเป้าหมายในปี 2562 นี้ ประเทศไทยตั้งเป้าหมายว่า จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและรายได้อย่างละ 10 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้น การใช้มาตรการกระตุ้นฟรีวีซ่าอีก 2 เดือนเศษๆ ไปจนถึงเมษายน เช่นนี้ น่าจะมีส่วนช่วยให้ทะลุเป้า ตั้งแต่ไตรมาสแรก
หลังจากนั้นหากรัฐบาลยุติการใช้ยาตัวนี้ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และแนวร่วมก็ควรหาวิธีอื่นๆ ต่อไป ซึ่งจะทำให้ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ตลอดปีในที่สุด
เราจะต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ครับ เมื่อทุกอย่างเข้าที่แล้วการใช้ยาแรงๆ ก็คงไม่จำเป็น
จริงๆ แล้วตอนที่สถานการณ์ท่องเที่ยวเราทรุดหนักลงมากนั้นผมเองก็ได้เขียนเสนอผ่านคอลัมน์นี้ขอให้ใช้ มาตรการนี้ ตั้งแต่แรกและโดยรีบด่วนเพราะมีโอกาสได้คุยกับพรรคพวกที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวที่มีประสบการณ์หลายครั้ง
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เสียอีกที่ไม่ยอมเชื่อ ออกมาแถลงโอ้เอ้อยู่พักใหญ่ๆ ทำให้เสียเวลาและเสียโอกาสไปพอสมควร
แต่ก็ยังดีครับที่ปรับตัวทันหันมาใช้มาตรการนี้ในที่สุด
ผมเชื่อตัวเลขที่แถลงมาทั้งหมดนี้ทุกประการ เพราะประจักษ์ได้ด้วยสายตาตัวเอง ในการอาศัยรถไฟฟ้า BTS จากหลังโรงพิมพ์ไปต่อแอร์พอร์ตลิงก์ที่สถานีพญาไทกลับบ้านตอนค่ำ
อย่าลืมว่าสถานีหมอชิตเป็นสถานีสำหรับ ตลาดจตุจักร แหล่งท่องเที่ยวฮิตนะครับ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาที่นี่
ช่วงนักท่องเที่ยวตกน่ะ BTS ว่างไปเยอะครับ แต่ช่วง 2-3 สัปดาห์มานี้กลับมาจ๊อกแจ๊กจอแจเหมือนเดิม รวมทั้งที่แอร์พอร์ตลิงก์ด้วยช่วงปีใหม่นักท่องเที่ยวจีนมากันเพียบทุกวัน
ผมถึงได้บอกว่าสำหรับผมแล้วไม่ต้องรอตัวเลขแถลงอย่างเป็นทางการหรอกครับ เพราะการนั่ง BTS กับ แอร์พอร์ตลิงก์ทุกวัน จะบอกได้เลยว่านักท่องเที่ยวมาเยือนไทยเรามากขึ้นหรือน้อยลง
ช่วงหลังๆ นี้ “มากขึ้น” แน่นอนครับผมการันตีได้.
“ซูม”