ดราม่า “ซีเกมส์” 2568 “วิวาทะ” ล่าสุดของสังคมไทย

ผมเขียนถึงกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยของเราจะเป็นเจ้าภาพ ในระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้เอาไว้ด้วยความห่วงใยยิ่ง

เมื่อฉบับวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาเพราะมีข่าวออกมาว่า กลุ่มกองเชียร์ฟุตบอลทีมชาติไทยกลุ่มหนึ่งไม่พอใจคณะกรรมการจัดการแข่งขันที่ประกาศให้ดูฟรีในกีฬาทุกชนิด แต่ต้องไปลงทะเบียนล่วงหน้า…ว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

ผมจึงหยิบประเด็นมาเขียนฝากพี่น้องชาวไทยว่า เราทะเลาะกันมามากแล้ว ทะเลาะกันทุกเรื่อง ตั้งแต่สงครามชายแดนกัมพูชา เรื่องมหาอุทกภัยหาดใหญ่ ฯลฯ ขออย่าทะเลาะเรื่องกีฬาอีกเลยหันมาผนึกกำลังเชียร์นักกีฬาไทยเราให้คว้าเหรียญทองมาครองได้มากที่สุด…

มากจนได้เป็น “เจ้าเหรียญทองซีเกมส์” อีกหน กันดีกว่า เพื่อความสุขส่งท้าย 2568 หลังจากมีความทุกข์มาตลอดทั้งปี

เขียนเสร็จหันไปคุยเรื่องอื่นๆ ตามโควตาของคอลัมน์ที่จัดไว้ได้แค่ 3 วันเท่านั้น…ปรากฏว่ามีเรื่องราวและข่าวอื้อฉาวถึงขั้นกลายเป็น “วิวาทะแห่งชาติ” หรือการ “ทะเลาะเบาะแว้งระดับชาติ” เกี่ยวกับกีฬาซีเกมส์ 2568 ขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งจนได้

เริ่มจากมีการเปิดเผยว่า บริษัทออกแบบหรือรับผิดชอบในการจัดชุดแรกถูกเทเกลี้ยงทั้งๆที่ทำงานมาแล้ว 7-8 เดือนบริษัทที่เข้ามารับช่วงใหม่เตรียมงานสุดกร่อย…ทั้งโลโก้ทั้งแผนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ไม่เพียงแต่ล้าสมัยเท่านั้น มีข่าวว่าบางอย่างแอบคัดลอกเขามาด้วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กลายเป็นเป้าใหญ่ของสื่อสังคมออนไลน์…

ในขณะที่ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ก็กลายเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของสารพัดทัวร์ที่ไปลงเล่นงานท่าน ฯลฯ เล่นเอาคนแก่ที่โตมาและแก่มากับกีฬาซีเกมส์ ตั้งแต่ครั้งยังเป็นกีฬา “แหลมทอง” หรือ “เซียพเกมส์”

ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพครั้งแรกปี 2502 อย่างผมต้องหยุดอ่านโซเชียลไปชั่วขณะ ด้วยความ “สงสาร” มหกรรมการแข่งขันกีฬาที่ประเทศไทยมีส่วนริเริ่มตั้งแต่ต้น

ผมเขียนกราบเรียนท่านผู้อ่านไว้บ้างแล้วว่านับตั้งแต่การแข่งขันกีฬาแหลมทอง หรือ “เซียพเกมส์” เพิ่มสมาชิกอีก 3-4 ประเทศจนกลายเป็น “ซีเกมส์” อย่างทุกวันนี้ตั้งแต่ พ.ศ.2520 หรือ ค.ศ.1977 นั้น

ไทยเราได้เป็น “เจ้าซีเกมส์” คือได้เหรียญทองมากที่สุดถึง 7 ครั้ง และ 3 ครั้งที่เราเป็นเจ้าภาพทั้ง กทม., เชียงใหม่ และ โคราช เราสามารถคว้าตำแหน่ง “เจ้าเหรียญทอง” มาครองได้หมดทำให้เกิด “ความหวัง” ขึ้นโดยทั่วไปว่าครั้งนี้ซึ่งเรากำลังจะเป็นเจ้าภาพอีกหนหนึ่งนั้นน่าจะคว้าตำแหน่งอันมีความหมายอย่างยิ่งมาครอบครองได้สมมาตรปรารถนาเช่นเคย

การกีฬาแห่งประเทศไทยนี่แหละประเมินและตั้งเป้าว่าเราจะได้เหรียญทองถึง 241 เหรียญทอง จากที่มีการแข่งขันทั้งหมด 573 เหรียญทอง–เอาชนะ เวียดนาม คู่แข่งสำคัญที่คาดว่าจะได้ 80-100 เหรียญทอง

และชนะ อินโดนีเซีย อีกหนึ่งคู่แข่งตลอดกาลที่คาดว่าจะได้ประมาณ 85 เหรียญทอง ไปได้อย่างสบายใจหายห่วง

ผมก็ได้แต่ภาวนาขอให้ทัพนักกีฬาไทยของเราสามารถทำสำเร็จ “ทะลุเป้า” ดังที่หวังไว้จงทุกประการเทอญเพราะ ณ นาทีนี้ทั้งรัฐมนตรี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตลอดจนผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ล้วนโดนกระแสสังคมชำแหละจนเละไปล่วงหน้าแล้ว…หากไม่ได้ตำแหน่งเจ้าเหรียญทองมาชดเชยละก็อาจจะโดนหนักยิ่งขึ้นไปอีก

ดังนั้น หากทัพกีฬาไทยไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ทะลุเป้า และร่วงลงมาเป็นที่ 2 หรือที่ 3 ผมว่าเผลอๆ นายกฯ อนุทินอาจโดนวิจารณ์หนักเสียยิ่งกว่า กรณี “นํ้าท่วมหาดใหญ่” หรือกรณีโดนภาพหลุด ถ่ายรูปร่วมกับนาย เบน สมิท เสียอีกด้วยซํ้า

อย่าประมาท “ดราม่าซีเกมส์” นะครับท่านนายกรัฐมนตรี.

“ซูม”

ภาพบรรยากาศการแข่งขัน ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในประเทศไทย พร้อมกองเชียร์และนักกีฬาทีมชาติไทย