เมื่อวันเสาร์ (29 พฤศจิกายน 2568) ที่ผ่านมา ลูกๆ หลานๆ แวะมารับผมกับภรรยาไปเดินเล่นที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน ด้วยเหตุผลสำคัญว่าคณะเราไม่ได้ไปที่นี่มานานแล้ว และนี่ก็ย่างเข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้วควรจะหาโอกาสไปสักครั้งหนึ่ง
ที่สำคัญมีข่าวว่าตั้งแต่ปีกลายปีก่อนเป็นต้นมา สยามพารากอนซึ่งปิดชั้น 5 ไปถึงชั้น 5 ครึ่ง บริเวณที่เคยเป็นห้องประชุมใหญ่พารากอน ฮอลล์ และศูนย์การเรียนรู้ “คิดส์ซาเนีย” เพื่อก่อสร้างโครงการใหม่ มูลค่า 850 ล้านบาท ขึ้นมาแทน
ตั้งชื่อว่าโครงการ NEXTOPIA ซึ่งจะเป็นการจำลองเมืองต้นแบบของอนาคตมาไว้ที่นี่ให้คนไทยโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ว่า “โลกในอนาคต” จะเป็นอย่างไรกันบ้าง?
สร้างเมืองจำลองดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยทุกประการแล้ว และมีการเปิดให้เข้าไปชมไปช็อปไปชิมเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 28 พ.ย. ได้ข่าวว่ามีผู้คนแห่ไปเยี่ยมชมจำนวนมาก
ลูกๆ หลานๆ ผมยังจะอยู่อีกนาน ในอนาคตเขาจึงตัดสินใจที่จะไปดู ส่วนผม 2 คนปู่ย่า แม้จะไม่สามารถอยู่ได้ยาวนานในอนาคต เพราะอายุมากแล้ว แต่ก็อยากไปด้วยเพราะชื่นชอบอาหารที่ ฟู้ดคอร์ต ของสยามพารากอน ซึ่งมีหลากหลาย
รวมทั้ง ข้าวมันไก่โกอ่างประตูนํ้า กับ ผัดไทยทิพย์สมัยประตูผี ที่มาตั้งสาขาที่นี่ รสชาติเหมือนร้านดั้งเดิมตัวจริงเสียงจริงทุกประการ
เมื่อไปถึงสยามพารากอนแล้ว ผมและภรรยาก็ตระเวนไปรอบๆ NEXTOPIA แบบเดินผ่านปล่อยให้หลานอายุ 11 ขวบ กับ 7 ขวบ ซึ่งจะโตเป็นประชาชนไทยในอนาคต 2 คน แวะดูชมและลงมือสัมผัสกดปุ่มโน่นนี่ด้วยความสนุกและความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่
4-5 ปีมานี้ ทั้งทั่วโลกและในประเทศไทยต่างพูดถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน พูดถึง Sustainability มีการประชุมสัมมนาที่นี่ที่โน่นมาหลายสิบครั้ง ต้องยกให้สยามพารากอนที่ไม่ตกเทรนด์และลงทุนเข้าสู่ภาคปฏิบัติก่อนใครๆ
ระหว่างเดินดูผมก็พบว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่ที่รู้จักหลายท่านแต่งตัวแบบ “มางาน” เดินผ่านไป แถมด้วยดาราซีรีส์วายอีกหลายคน และอินฟลูฯ จากโซเชียลดังต่างๆ ก็อีกหลายคน มี FC เดินตามเป็นแถว
มาทราบภายหลังว่าคืนวันเสาร์ที่แล้ว (29 พ.ย.) นั้น ทาง สยามพารากอน ได้จัดงานเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ขึ้นด้วย ที่ พารากอน ฮอลล์ ใกล้ๆ นั่นเอง น่าจะเป็นการฉลองก่อนกำหนด
จริงๆ แล้ว…“วันเกิด” หรือวัน “เปิดใหญ่” ของสยามพารากอน คือ 9 ธันวาคม 2548 เหตุที่จำได้แม่นยำมากเพราะเป็นโครงการหนึ่งที่ผมเขียนให้กำลังใจใน พ.ศ.ดังกล่าวอย่าลืมว่าเศรษฐกิจไทยของเราได้ทรุดลงขนานใหญ่เพราะโรคต้มยำกุ้งเมื่อ พ.ศ.2540…
กว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ต้องเหน็ดเหนื่อยหนักหนาสาหัสตั้งแต่รัฐบาลลงมาถึงธนาคารและบริษัทใหญ่น้อยนับไม่ถ้วนช่วงนั้นใครเป็นนักสู้กู้เศรษฐกิจชาติผมเชียร์เต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น เครือ เซ็นทรัล, เครือ เดอะมอลล์ ไปจนถึง เครือซีพี, เครือไทยเบฟ, ซีเมนต์ไทย, ปตท.ฯลฯ
และรู้สึกดีใจมาจนถึงวันนี้ที่เชียร์ขึ้น ทำให้เราฟื้นกลับมายืนได้อย่างทระนงองอาจอีกครั้งหนึ่ง
แต่อย่างที่เราทราบ เศรษฐกิจมันมีวงจรของมัน เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง แถมมันมีความเชื่อมโยงไปทั่วโลก ดีๆ ด้วยกัน แย่ก็กระเทือนถึงกัน…มีอะไรร้ายๆ เกิดขึ้นทั่วโลกกระทบถึงประเทศไทยหมดทำให้เราต้องกลับมาทรุดลงอีกครั้ง และทรุดมากเสียจนน่าเป็นห่วง ว่าประเทศไทยของเราจะฟื้นกลับมาได้หรือไม่ในระยะเวลาอันใกล้นี้
ผมจึงต้องเขียนขอบคุณและให้กำลังใจ สยามพารากอน อีกครั้ง ที่กล้าลงทุนใหม่อีก 850 ล้านบาท เมื่อปีกลาย ทั้งๆที่รู้ว่าอนาคตเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอนเอาน่า! ขออนุญาตเชื่อมือและเชื่อใจคุณแป๋ม–ชฎาทิพ จูตระกูล อีกสักครั้งก็แล้วกัน…ขอให้โชคดีนะครับ
ป.ล.สรุปว่าการไปเยือน สยามพารากอน เมื่อวันเสาร์ที่แล้วของผมจบลงด้วย ผัดไทยทิพย์สมัยประตูผี และ ข้าวมันไก่โกอ่างประตูน้ำ สมมาดปรารถนาหลังจากต้องเล่นเก้าอี้ดนตรีแย่งโต๊ะที่นั่งกับนักท่องเที่ยวจีนอยู่เกือบ 20 นาที…
ยินดีกับประเทศไทยด้วยนะครับ ที่ดูเหมือนว่า นักท่องเที่ยวจีน (คุณภาพดี) จะเริ่มหวนกลับมาอีกครั้งแล้ว.
“ซูม”

