ณ นาทีที่ผมเริ่มเขียนต้นฉบับวันนี้ พายุฝน 300 ปี ที่หาดใหญ่หยุดกระหน่ำมา 2 วันเต็มๆแล้ว ภาพที่เห็นจากสื่อต่างๆ ก็คือความเละตุ้มเป๊ะในหลายๆ จุดเหมือนโดนสึนามิถล่ม
ในขณะที่พาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับรายงานตรงกันว่าตัวเลขทางการของผู้เสียชีวิตภาคใต้ 145 ราย และเฉพาะสงขลา 110 รายในส่วนของการประเมินค่าเสียหายทางเศรษฐกิจยังไม่มีข้อสรุป บ้างก็ว่าไม่ตํ่ากว่า 20,000 ล้านบาท บ้างก็ว่าไม่ตํ่ากว่า 30,000 ล้านบาท คงต้องรอการประเมินอย่างละเอียดต่อไป
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตซึ่งนำความเศร้าสลดใจมาสู่ชาวไทยอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะยอดของจังหวัดสงขลา 110 รายนั้น ก็ยังไม่นิ่งเช่นกัน เพราะยังไม่สามารถเข้าตรวจพื้นที่เสียหายได้ทุกพื้นที่ และขณะเดียวกันก็ยังมีการลำเลียงร่างของผู้เสียชีวิตไปส่งโรงพยาบาลเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์วันละจำนวนมาก ต้องนำตู้คอนเทนเนอร์ห้องเย็นอีกหลายตู้มารอไว้หน้าโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
นายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล บินลงไปหาดใหญ่อีกครั้งหลังจากกลับมาประชุมเพื่ออนุมัติวงเงิน และการช่วยเหลือในทุกๆ ด้านที่จำเป็น แก่ผู้ประสบภัยพิบัติ ร่วมกับท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ข้อยุติแล้ว
ดูเหมือนคุณอนุทินจะปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของผมเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอย่างดียิ่ง ที่ผมเสนอว่าให้ก้มหน้ารับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และเสียงด่าแต่โดยดีเถิด อย่าไปต่อล้อต่อเถียงใดๆทั้งสิ้น
ขอให้เดินหน้าทำงานสั่งงานด้านการช่วยเหลือเยียวยาเพื่อให้ถึงมือผู้ประสบภัยอย่างครบถ้วนและทั่วถึงอย่างเดียวเท่านั้นปรากฏว่านายกฯอนุทินยังยอมกระทำในประเด็นหนึ่งที่ผมมิได้เสนอไว้ (เพราะกลัวว่าท่านจะไม่กระทำ) คือการกล่าวขอโทษและยอมรับผิด…
ดังพาดหัวยักษ์ของไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ว่า…“หนูขอโทษ…ยอมรับผิดคนเดียว มหาวิปโยคหาดใหญ่” ซึ่งก็ดีแล้วที่กล่าวคำว่าขอโทษและยอมรับผิดออกมา แต่ก็ต้องยํ้า ว่าเป็นคำกล่าวขณะให้สัมภาษณ์หรือกล่าวกับชาวบ้านที่ประสบภัยเท่านั้นมีเวลาอันเหมาะสมวันไหน อย่าลืมตั้งโต๊ะแถลงข่าว (อย่างเป็นทางการ) ขอโทษ “ชาวไทย” ทั้งประเทศด้วยอีกครั้งนะครับ
ในส่วนของบรรยากาศ และสถานการณ์ของหาดใหญ่หลังจากการ “หยุดกระหน่ำ” ของฝน “300 ปี” จนบังเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ดังที่พวกเราชาวไทยได้ติดตามมาโดยตลอด ดังได้สรุปอย่างคร่าวๆ ไว้แล้วนั้น…
ก็อาจกล่าวได้ว่า ณ นาทีที่ผมบันทึกคอลัมน์วันนี้ ทุกๆ อย่างเริ่มสดใสขึ้น และเดินไปอย่างถูกทางมากขึ้นประเทศไทยอาจไม่ค่อยมีชื่อเสียงด้านการป้องกันหรือต่อสู้ “วิบัติภัย” ต่างๆ เท่าไรนัก แต่เราก็มีชื่อเสียงอยู่พอสมควรในด้าน การช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูหลังเกิดภัย…
ยกตัวอย่างเช่นการร่วมมือแก้ไขฟื้นฟูสู้การระบาดของโควิด-19 ที่ได้รับการยกย่องให้อยู่ระดับต้นๆ ของโลกมาแล้วการช่วยเหลือฟื้นฟูเยียวยา “หาดใหญ่” จากมหาอุทกภัยครั้งนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
ดังที่เราเห็นการจัดทัพของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่างๆ ในขณะนี้ ว่า “ฟอร์มดี” กว่าเมื่อตอนพายุฝนกระหน่ำหลายเท่าขอให้เดินหน้าช่วยเหลือต่อไปให้ทั่วถึงครบถ้วน และเที่ยงธรรม…
อย่าลำเอียง อย่าขาดตกบกพร่อง และอย่าเกินเศษเกินเลย ฯลฯ จะทำให้ทุกๆ อย่างค่อยๆดีขึ้นขณะเดียวกัน ภาพร้ายๆ ของความหฤโหดในเขต 8 ระหว่างนํ้าท่วม มาจนถึงการเข้าปล้น เข้าขนสินค้าจากคลังสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ (ทั้งๆ ที่บางอย่างไม่ใช่สินค้าจำเป็นแก่ชีวิต)
ถือเป็นการก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรง แม้จะเป็นการกระทำของ “คนกลุ่มน้อย” ก็ขออย่าได้มีหรือกระทำขึ้นมาอีก เพราะจะทำให้ชื่อเสียงอันดีงามของชาวหาดใหญ่ทั้งหมดจะต้องมาพลอยด่างพร้อยเพราะคนกลุ่มนี้หาดใหญ่ สงขลา และภาคใต้ทุกจังหวัดจะต้องเดินหน้าต่อไป…
แม้เหตุที่เกิดขึ้นมันน่าเศร้าก็จริง สมควรแก่การร้องไห้ก็จริง แต่จะต้องหยุดร้องไห้พร้อมกับเช็ดนํ้าตาให้แห้งโดยเร็วที่สุดประเทศไทยของเราจะต้องเดินหน้าต่อไป หาดใหญ่จะต้องเดินหน้าต่อไป ภาคใต้จะต้องเดินหน้าต่อไป…
เราจะเดินหน้าไปพร้อมๆ กันทั่วประเทศไทยครับ.
“ซูม”

