ให้กำลังใจ “ประเทศไทย” จาก “ศึกเขมร” สู่ “เศรษฐกิจ”

เมื่อวานผมเขียนถึงบรรยากาศ “การท่องเที่ยวไทย” ที่ไปพบเห็นด้วยตนเองบางจุดว่า “ยังมีลมหายใจ” และพร้อมที่จะเป็น “ทัพหน้า” ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของเราได้

วันนี้ขอเขียนต่อเพราะ “ศึกเขมร” น่าจะจบลงแล้วเพราะเจรจาหยุดยิงกันไปแล้วจะลุยต่อคงไม่ได้ อย่างเก่งก็แค่รบกันทางปากและทางโซเชียล เสียเวลาเปล่าๆ

ฝากน้องๆ ทหารของชาติทั้งกองทัพภาค 2 และกองทัพภาค 1 เอาไว้ให้ดูแลและคุมเชิงอย่างเต็มที่อย่าให้ “สมุน” ฮุนเซน ฮึกเหิม ใช้วิธีฉ้อฉลรุกล้ำเข้ามา “ตอด” ดินแดนของเราอีกก็แล้วกัน

ส่วนปัญหาเศรษฐกิจชายแดน ซึ่งแม้จะมีส่วนอยู่บ้างพอสมควรในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่ตราบใดที่ฝ่ายโน้นยังมีทิฐิก็ต้องปล่อยเขาไว้ก่อน… และเท่าที่เรามองเห็นยุทธวิธีตื้นๆ ของเขาวิธีหนึ่งก็คือ การหลอกและขู่ให้แรงงานกลับประเทศ คงมีแผนที่จะซ้ำเติมปัญหา SME ของเราให้หนักยิ่งขึ้นเพราะไม่มีคนทำงาน

เรื่องนี้เราควรถือ “วิกฤตเป็นโอกาส” หันมาปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมของเราเสียเลย ใช้ “ความทันสมัย” แทนแรงงานกัมพูชา หรือถ้ายังจำเป็นอยู่ก็หันไปขอแรงพี่น้องชาวลาวให้มาทำแทนมากขึ้น… เว้ากันรู้เรื่องรักใครรักจริงไม่ทรยศไม่หักหลัง

ประเด็นนี้เป็นเรื่องยาวเอาไว้คุยกันวันหลัง… สำหรับวันนี้ขอให้กำลังใจเรื่อง “ท่องเที่ยว” ต่อเพราะเชื่อว่ายังเป็น “ทัพหน้า” สำคัญ

เพียงแต่เราอาจต้องปรับเปลี่ยนยุทธวิธีไป เพราะดูชื่อประเทศนักท่องเที่ยว 5 ประเทศหลักที่มาไทยเยอะๆ ช่วงนี้ อันได้แก่ จีน, มาเลเซีย, อินเดีย, รัสเซีย และเกาหลีใต้ แล้วถือว่าเป็นนักท่องเที่ยวระดับรายได้ปานกลาง คงไม่มือเติบมากนัก

โดยเฉพาะจีนที่เริ่มกลับมาบ้าง ก่อนวันแม่ 1 วัน ผมเห็นเดินเป็นขบวนยาวเหยียดตามไกด์ที่ถือธงนำหน้าแถวราชประสงค์.. ก็อดคิดถึง “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ในอดีตเสียมิได้ฝากให้ระมัดระวังด้วย

ส่วนวัยรุ่นจีนอีกกลุ่มใหญ่ที่เขาบอกว่าระยะหลังๆ จะจัดทัวร์มาเองเป็นกลุ่มเล็กๆ.. ผมเห็นจาก “คลิปวีดีโอ” ของอินฟลูฯ ท่องเที่ยวที่ไปเต้นถ่ายเซลฟี่กลางสวนลอยฟ้าสี่แยกปทุมวัน (สยามดิส-มาบุญครอง) ก็ดูหน้าอ่อนๆ คงไม่ใช่ “อาซ้อ” ระดับเศรษฐีนีใจใหญ่-มือเติบ-ยุคก่อน

จะหวังว่าน้องหมวยเหล่านี้จะช็อป “แบรนด์เนม” ในห้างใหญ่ๆ คงไม่ได้.. สิ่งที่คาดหวังได้คือตลาดริมถนนและร้านห้องแถว รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวธรรมดาๆ เช่น สวนจตุจักร, เยาวราช, ทรงวาด ฯลฯ

การลงทุนลงรอนการโฆษณาประชาสัมพันธ์จึงควรทำอย่างประหยัดเจาะให้ตรงเป้า ซึ่ง ททท. ทำได้ดีอยู่แล้ว ขอให้ทำต่อไป

ส่วนการลงทุนขนาดใหญ่ หวังนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ รายได้สูง ก็ต้องคิดให้หนักกว่าจะคุ้มทุนหรือไม่.. ผมดีใจที่โครงการศูนย์บันเทิงครบวงจรที่แขวงการพนันไว้ด้วยต้องเลื่อนออกไป.. เพราะไม่เพียงแต่จะ “ตราบาป” ของประเทศเท่านั้น ในแง่มูลค่าการลงทุนซึ่งสูงมาก ผมไม่มั่นใจว่าจะคุ้มหรือไม่?

อีกหนึ่งการลงทุนที่ผมห่วงใยมากๆ ก็คือการที่รัฐบาลชุดนี้มีมติอนุมัติงบล่วงหน้าในการจัดการแข่งขันรถ Formula 1 (F1) ในประเทศไทยเป็นเวลา 5 ปี (2571 ถึง 2575) ไว้ถึง 41,397.67 ล้านบาท

ผมหวั่นใจว่าจะเป็นการลงทุนเกินตัวครับ และจะมีรายได้ไม่คุ้มลงทุน จึงขออนุญาตฝากเป็นข้อสังเกตไว้ด้วย สำหรับรัฐบาลใหม่ (หากมีการเปลี่ยนแปลง)

กลยุทธ์ท่องเที่ยวของเราช่วงนี้จะต้องใช้วิธีขาย “ของเก่า” ที่ไม่ต้องลงทุนมาก เช่น ขาย ศิลปวัฒนธรรม.. โดยเฉพาะวังและวัดอันวิจิตรตระการตาเป็นที่ร่ำลือระดับโลกอยู่แล้ว ฯลฯ

ที่สำคัญ “Bangkok” ของเราเพิ่งได้รับการยกย่องจาก อโกด้า บริษัทนำเที่ยวชื่อดังยกให้เป็นอันดับ 1 ของเมืองในเอเชีย ที่มีนักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวซำมากที่สุด 2 ปีซ้อนๆ

ผมเชื่อในศักยภาพการท่องเที่ยวแบบดั้งเดิมของไทยว่ายังยิ่งใหญ่เกรียงไกร และเป็นอาวุธสำคัญในการทำศึกกู้เศรษฐกิจไทยในครั้งนี้ และยังเชื่อว่าเราจะฟื้นกลับมา.. หากคนไทยเราจะรักสามัคคี และทุ่มเทกันอย่างหนักนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.

“ซูม”

ภาพสะท้อนศักยภาพ การท่องเที่ยวไทย ที่ยังเป็นทัพหน้าสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก