ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ในช่วงเวลาบ่ายของ วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม 2568 ซึ่งตามคิวแล้วจะเป็นเรื่องราวของ “เสาร์สารพัน” ชวนเที่ยวงานชวนอ่านหนังสือ แนะนำงานน่าเที่ยวและหนังสือน่าอ่าน เปลี่ยน บรรยากาศ สัปดาห์ละครั้ง
แต่สำหรับเสาร์นี้ (26 กรกฎาคม 2568) คงต้องของดเว้นไว้ก่อนละครับ เพราะตั้งแต่เช้าจนถึงบ่ายของวันพฤหัสบดีอันเป็นช่วงเวลาที่จะต้องเขียนต้นฉบับนั้น ได้เกิดการประทะและการสู้รบระหว่างทหารกัมพูชาและทหารไทยขึ้นแล้วในหลายๆ จุดของชายแดนภาคอีสานตอนล่าง
เริ่มจากที่ช่องเขาตาเมือน ตำบลตาเมือน อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ บริเวณปราสาทตาเมือนธม
หลังจากที่ฝ่ายทหารไทยจะนำรั้วลวดหนามไปล้อมปราสาทตามแผนที่จะปิดการเข้าเยี่ยมชมปราสาทต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาช นและเพื่อตอบโต้การกระทำที่ละเมิดหลักมนุษยธรรมสากลและข้อตกลงระหว่างประเทศของฝ่ายกัมพูชา
ที่ลอบเข้ามาวางกับระเบิดถึงในเขตแดนไทยบริเวณช่องอานม้า อ. น้ำยืน จ. อุบลราชธานี เป็นผลให้กำลังพลชุดลาดตระเวนของเราบาดเจ็บสาหัสถึง 5 ราย และหนึ่งใน 5 ได้สูญเสียขาข้างขวาไปด้วยเมื่อวันพุธที่ 23 กรกฎาคม
ครั้นเมื่อกองกำลังของฝ่ายไทยจะนำลวดหนามไปล้อมบริเวณปราสาทตาเมือนธมทางฝ่ายทหารกัมพูชาก็เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของประสาทตาเมือนธม ในระยะ 200 เมตรจึงเกิดปะทะกันขึ้น
มีหลักฐานที่ชัดเจนว่า ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายยิงก่อน ในบริเวณนี้และยังเปิดฉากถล่มเข้าใส่ชุมชนไทยในบริเวณชายแดนอื่นๆ อีกหลายชุมชนใน 4 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์ รวมไปถึงบุรีรัมย์ด้วย
ที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่งก็คือการโจมตีชุมชนด้วยจรวด BM -21 เข้าใส่บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น ตั้งอยู่ด้วย เกิดไฟไหม้ร้านสะดวกซื้อดังกล่าว มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 8 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง
ส่งผลให้กองทัพอากาศของไทยเราต้องส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 6 ลำ ถล่มเข้าทำลาย บก. พลน้อย 2 กองพล บริเวณช่องอานม้า ซึ่งมีรายงานว่าสามารถถล่มได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ด้วยความจำกัดของเนื้อที่และเวลาที่จะต้องส่งต้นฉบับผมคงไม่สามารถบันทึกอะไรได้มากกว่านี้ …แต่เพียงเท่านี้ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วถึงความป่าเถื่อนโหดเหี้ยมของรัฐบาลกัมพูชา ภายใต้การนำของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังมีอิทธิพลอย่างสูง นาย ฮุน เซน และนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน ผู้เป็นลูก นาย ฮุน มาเนต ที่นอกจากจะสั่งการให้มีการวางกับระเบิดในประเทศไทยแล้ว ยังสั่งการให้ทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงเราก่อนอีกด้วย
ในขณะเดียวกันก็แถลงข่าวโป้ปดมดเท็จแก่สำนักข่าวต่างประเทศว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานและเขาจะต่อสู้ป้องกันดินแดนตนเองสุดชีวิต ทั้งๆ ที่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อนตั้งแต่การก่อกวนในระดับต่างๆ เช่น เผาศาลาตรีมุขที่ช่องบกเรื่อยมาจนถึงเริ่มต้นลั่นกระสุนขึ้นก่อนเมื่อเวลา 08.20 น. ของวันพฤหัสที่ 24 กรกฎาคม
ผมและพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศขอส่งกำลังใจไปถึงพี่น้องทหารไทยทุกเหล่าทัพ รวมถึงตำรวจที่ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย และตอบโต้การกระทำอันป่าเถื่อนของทหารกัมพูชา ณ นาทีนี้
ขณะเดียวกันก็ขอส่งกำลังใจมายังพี่น้องประชาชนชาวไทยบริเวณชายแดนที่ต้องมารับลูกหลง จากการกระทำโหดเหี้ยมและละเมิดหลักมนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชาด้วยเช่นกัน
ผมเชื่อเสมอว่า “ธรรมะย่อมชนะอธรรม” และตลอดเวลาที่ผ่านมาเราก็ประจักษ์แล้วว่าฝ่ายใดเป็น “ฝ่ายอธรรม” ที่จะต้องได้รับความพ่ายแพ้และอัปยศในการสู้รบครั้งนี้
ซูม