ซอกแซกสัปดาห์นี้ ขออนุญาตท่านผู้อ่านลัดคิวเขียนถึงเทพยดาอารักษ์ประจำกระทรวงการคลัง ที่มีชื่อเรียกขานอย่างเต็มยศว่า “พระคลังในพระคลังมหาสมบัติ” แทนเรื่องอื่นๆที่ได้จัดเตรียมไว้แล้วตามปกติ
ด้วยเหตุผลหลัก 3 ประการ จาก 3 เหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นในระยะเวลาใกล้ๆกัน ได้แก่ 1.หัวหน้าทีมซอกแซกเพิ่งอ่านหนังสือที่เขียน โดย ดร.นริศ ชัยสูตร อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และอดีตอธิบดี กรมธนารักษ์ เรื่อง “ดร.นริศ ชัยสูตร 70 ปี : เส้นทางชีวิตที่ผ่านมา” ได้บันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับท่านไว้ด้วยในหนังสือดังกล่าว
2.ข่าว “ขออภัยในความล่าช้า” ในการจัดส่งพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ แก่ผู้ที่สั่งจองไว้เนื่องในวาระฉลองครบรอบ 150 ปี กระทรวงการคลังเมื่อเดือนเมษายน
3.ข่าว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งจดหมายถึงรักษาการนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย แจ้งให้ทราบว่า สหรัฐฯจะคิดอัตรา ภาษีศุลกากร ในการนำเข้าสินค้าจากประเทศ ไทยทุกรายการร้อยละ 36 ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม
เริ่มจากหนังสือ “ดร.นริศ ชัยสูตร 70 ปี” ซึ่งเขียนเองพิมพ์เอง โดย ดร.นริศ บันทึกถึงเรื่องราวและเหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงเวลา 70 ปีของอายุท่าน ได้กล่าวถึง การจัดสร้างเหรียญที่ระลึกพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ เมื่อปี 2556 ในโอกาสเฉลิมฉลองกรมธนารักษ์ครบ 80 ปี ไว้ในหน้า 341 ว่า
ช่วงนั้นท่านเพิ่งเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์หมาดๆ เจ้าหน้าที่ของกรมได้นำท่านไปกราบพระคลังในพระคลังมหาสมบัติ ณ อาคารกรมธนารักษ์ในพระบรมมหาราชวัง
ทำให้ท่านทราบเป็นครั้งแรกว่า กรมธนารักษ์และกระทรวงการคลังมีเทพยดาอารักษ์ องค์นี้อยู่ประจำกรมและกระทรวง และเมื่อไปค้นประวัติดู ก็ทราบว่า “พระคลังในพระคลังมหาสมบัติ” ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อประดิษฐานไว้ ณ อาคารที่ตั้งของพระคลังมหาสมบัติ
สันนิษฐานว่า ในการสร้างพระคลังนั้นมีนัยคล้ายกับการสร้างพระสยามเทวาธิราชในรัชสมัยของรัชกาลที่ 4 คือในเรื่องของบ้านเมืองนั้น จะมีพระสยามเทวาธิราชเป็นดั่งเทพที่คอยปกป้อง…ส่วน พระคลัง ก็จะทำหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาทรัพย์สินมีค่าในพระคลังมหาสมบัติเป็นการเฉพาะ
เมื่อทราบถึงข้อเท็จจริงเช่นนี้ หลังจากสักการะพระคลังในพระคลังมหาสมบัติแล้ว ดร.นริศก็มีดำริที่จะจัดสร้างเหรียญที่ระลึกเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์นี้เพื่อให้ประชาชนสั่งจองไว้สำหรับบูชาในโอกาสครบ 80 ปี ของกรมธนารักษ์ และได้ลงมือดำเนินการตามที่ได้ตั้งใจจนประสบผลสำเร็จอย่างงดงามยิ่ง
และในปี 2568 นี่เอง ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ก็มีข่าวเผยแพร่อย่างกว้างขวางว่า กระทรวงการคลัง จะมีอายุครบ 150 ปี ในวันที่ 10 เมษายน 2568 ซึ่งนอกจากจะมีพิธีทำบุญตักบาตรและบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ กระทรวงการคลังแล้ว ยังจะมีการจัดงาน “150 ปี เส้นทางการคลังไทย” ขึ้นระหว่าง 1-3 พฤษภาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ด้วย
รวมทั้งจะได้จัดสร้าง พระคลังในพระคลัง มหาสมบัติ ในรูปแบบองค์ลอยรวม 3 ชนิด และเหรียญที่ระลึกอีก 4 ชนิด เปิดให้ประชาชนจับจอง ซึ่งก็มีข่าวว่ามีการจับจองตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จนทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดส่ง จึงได้มีการแถลงข่าวล่าสุด “ขออภัยในความล่าช้า” ซึ่งได้มีการแก้ไขแล้ว โดยจะส่งให้แล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2568 หรือเดือนนี้ เป็นข่าวในสื่อมวลชนหลายแขนง
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คือ เรื่องราว-ข่าวคราวล่าสุดเกี่ยวกับ “พระคลังในพระคลังมหาสมบัติ” เทพที่พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 มีพระราชดำริให้สร้างไว้เพื่อเป็นมิ่งขวัญและเครื่องยึดเหนี่ยวสำหรับข้าราชการกระทรวงการคลังมาตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้ง ซึ่งก็คือเมื่อ 150 ปีที่ผ่านมา
การเคารพนับถือในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ก็ตามของสังคมไทยนั้น จะเห็นได้ว่าจะควบคู่ไปกับการทุ่มเท “ทำงานหนัก” ใช้ สมอง ใช้ สติ ใช้ ปัญญา และพละกำลังไปก่อนแล้วอยู่เสมอ…แต่เพื่อให้มีขวัญมีกำลังใจก็จะขอพร “เทพ” หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆควบคู่ไปด้วย
ดังเช่นในหลวงรัชกาลที่ 4 ทรงทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของโลก จึงทรงปรับพระราโชบายต่างๆ ให้เข้ากับโลกและทรงใช้สติ ปัญญาในการแก้ปัญหาให้แก่ประเทศชาติ เคียงคู่ไปกับการ “สร้างพระสยามเทวาธิราช” เพื่อให้ปกปักรักษาแผ่นดิน
ในหลวงรัชกาลที่ 5 ก็ซึมซับในพระราโชบายเหล่านี้ ทรงใช้พระปรีชาสามารถทรงนำพาประเทศไทยผ่านเขี้ยวเล็บนักล่าเมืองขึ้นมาได้ในที่สุด
การที่มีพระราชดำริให้สร้างพระคลังในพระคลังมหาสมบัติไว้สำหรับยึดเหนี่ยวกราบไหว้บูชา หลังจากพระราชทานพระ บรมราโชวาทให้ข้าราชการแห่งพระคลังมหาสมบัติได้กระทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถแล้ว จึงเป็นพระวิสัยทัศน์ของในหลวงรัชกาลที่ 5 เช่นเดียวกับพระราชบิดา
คติในการเคารพบูชาเทพหรือสิ่งศักดิ์ สิทธิ์ใดๆ ก็ตามของปวงชนชาวไทยจึงมีที่มาที่ไปและมิใช่เรื่องเหลวไหลดังที่บางท่านวิพากษ์วิจารณ์
ทีมงานซอกแซกตระหนักดีว่า ภาวะเศรษฐกิจและการเงินการคลังของประเทศชาติในช่วงนี้ยากลำบากยิ่งนัก และจะยากลำบากขึ้นไปอีกหลังวันที่ 1 สิงหาคม จากการประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์
แต่จากการทำงานหนักของคนไทยและการทำงานอย่างจริงจังของฝ่ายข้าราชการประจำและฝ่ายการเมืองที่มีคุณธรรมบางส่วนในการที่จะแก้ปัญหาต่อไป บวกด้วยการสักการบูชาพระคลังในพระคลังมหาสมบัติควบคู่ไปด้วย แม้จะไม่ช่วยให้เราฟื้นตัวได้เร็วนัก แต่ก็จะช่วยให้เราไม่บาดเจ็บสาหัสอย่างหนักอย่างแน่นอน…สู้ๆ นะครับทีมไทยแลนด์.
“ซูม”