เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงผลการไปเจรจาเรื่องอัตราภาษีศุลกากร ส่งออกนำเข้าของทีมไทยแลนด์ ที่นำโดยท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีคลัง พิชัย ชุณหวชิร กับทีมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ว่ายังไม่สำเร็จเสร็จสิ้น
ท่านรองนายกฯ และรัฐมนตรีคลังไทยแลนด์กลับมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว แถลงข่าวให้ประชาชนชาวไทยทราบว่าจะต้องทำการบ้านเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ซึ่งก็ได้กลับมาประชุมต่อในบ้านเรา และส่งคำตอบกลับไปสหรัฐอเมริกาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม ก่อนเส้นตายเดิมที่ทรัมป์กำหนดไว้ 9 ก.ค. ถึง 3 วัน
ด้วยความมั่นใจว่าทางฝ่ายสหรัฐฯ จะพึงพอใจในข้อเสนอเพิ่มเติมของฝ่ายไทย
ผมก็หยิบเรื่องราวทั้งหมดมาเขียนถึง พร้อมกับภาวนาขอให้คำชี้แจงเพิ่มเติมเป็นผลดี และหวังว่าเราอาจจะได้อัตราภาษีที่เขาจะจัดเก็บสักร้อยละ 20 เท่ากับเวียดนาม หรือถ้าได้ต่ำกว่าร้อยละ 20เช่นร้อยละ 17-18 ก็จะยิ่งดีใหญ่
เขียนเสร็จก็ส่งไปตีพิมพ์ สำหรับคอลัมน์ประจำฉบับวันที่ 9 กรกฎาคม ซึ่งจะออกวางแผงตั้งแต่เช้าวันอังคารที่ 8 กรกฎาคมล่วงหน้า 1 วัน ดังที่ปฏิบัติมาเป็นปกติ
ที่ไหนได้ประมาณตี 3 ตี 4 ของเช้าตรู่วันอังคารก่อนที่ไทยรัฐฉบับล่วงหน้าวันพุธจะไปวางตลาดสัก 2-3 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ก็มีข่าวใหญ่สะเทือนขวัญพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศเกิดขึ้น
เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์เขียนจดหมายลอตแรกไปถึงหลายๆ ประเทศรวมทั้งประเทศไทยเราด้วย โดยเฉพาะของประเทศไทยเขาแนบสำเนาจดหมายมาให้ดูด้วย จ่าหน้าถึงนายกฯ รักษาการ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ระบุชัดเจนว่า จะเก็บภาษีศุลกากรเราที่ร้อยละ 36 เท่าอัตราเดิมที่ได้ตั้งไว้เมื่อ 2 เมษายน
จะไม่ให้ “ช็อก” ได้ยังไงล่ะเพราะอุตส่าห์แอบหวังไว้ว่าเราจะได้อัตราเท่าๆเวียดนามหรืออาจดีกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ แต่คุณทรัมป์แกตอบยืนยันมาที่อัตราเก่า 36 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งแบบนี้สินค้าไทยเราไม่มีทางที่จะสู้เวียดนามได้เลยในตลาดอเมริกา
แต่เนื้อความในจดหมายก็ระบุไว้ว่า ถ้าเรามีข้อเสนออะไรดีๆ เขาก็อาจเปลี่ยนแปลงอัตราให้ลดลงได้ ขอให้รีบมาดำเนินการพูดคุยต่อโดยให้เวลาถึง 1 สิงหาคม
เหตุการณ์จะดำเนินการต่อไปอย่างไร? ลงท้ายจะลงเอยที่อัตราเท่าใด? คงต้องลุ้นว่าภายใน 20 กว่าวันที่เหลือนี้ เรากับสหรัฐฯ จะเจรจากันอีกหรือไม่? หรือเมื่อเขาอ่านข้อเสนอใหม่แล้วจะใจอ่อนลงบ้างหรือเปล่า?
ผมเองก็เคยเตือนรัฐบาลมาตลอดว่าเรื่องนี้ต้องเอาใจใส่หน่อย เร่งรัดเจรจาหน่อย เพราะจะมีผลกระทบที่รุนแรงมาก แต่ที่ปรึกษารัฐบาลเสนอให้ใช้วิธีช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม ดูคนอื่นเขาเจรจาไปก่อนจึงเหลือเวลาสำหรับเราค่อนข้างกระชั้นชิด
มาถึงห้วงเวลานี้แล้ว จะตำหนิซ้ำก็เปล่าประโยชน์เอาเป็นว่าขอให้ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกันครับท่านรองพิชัย ขอให้ตื๊อต่อ พยายามให้มากที่สุดในช่วงเวลาอันน้อยนิดที่เหลือ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
แต่ถ้าไม่ได้ลดเลย ลงท้ายแล้วยัง 36 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม ผมว่ารัฐบาลเหนื่อยแน่นอน เหนื่อยอย่างไร ผมขออนุญาตไม่เขียนต่อนะครับ ทิ้งไว้เพียงแค่นี้ เชื่อว่ารัฐบาลก็คงรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
จริงๆ แล้ววันนี้ (10 ก.ค.) เป็น “วันอาสาฬหบูชา” ตรงกับขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งเมื่อ 2,613 ปีที่แล้ว หรือ 45 ปีก่อนพุทธศักราช…องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จสู่ป่า อิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี ณ ชมพูทวีป เพื่อแสดง “พระปฐมเทศนา” แก่ปัญจวัคคีย์ ถือเป็นวันประกาศพระศาสนาอย่างเป็นทางการวันแรก
จึงเท่ากับเป็นวันมงคลอย่างยิ่ง สมควรที่พวกเราชาวพุทธจะร่วมกันทำจิตใจให้บริสุทธิ์ผ่องใส ทำบุญตักบาตร ณ วัดใกล้ๆบ้าน และสวดมนต์พร้อมๆกันทั้งประเทศ
ขอให้กุศลผลบุญทั้งหลายจงช่วยปกป้องคุ้มภัยพี่น้องประชาชนชาวไทยให้อยู่ดีมีสุข สามารถผ่านพ้น “สึนามิเศรษฐกิจ” อันเกิดจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังวันที่ 1 สิงหาคมนี้ไปได้ด้วยดีด้วยเทอญ.
“ซูม”