ฉายา “เฒ่าสารพัดพิษ” ล่าสุด เป็นใครเอ่ย?

คำว่า “เฒ่าสารพัดพิษ” เป็นสำนวนเก่าแก่สำนวนหนึ่งที่สื่อมวลชนไทยหยิบยกมาใช้ในการเปรียบเทียบกับนักการเมืองสูงอายุแต่มีเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงทางการเมืองแพรวพราว เมื่อประมาณ 40-50 ปีที่แล้ว

เว็บไซต์ Siamebook.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ในการรวบรวมศัพท์ใหม่ๆ นอกพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถาน…ให้คำจำกัดความไว้ดังนี้…“เฒ่าสารพัดพิษ : คนมีอายุมากที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอันตรายรอบตัว”

พร้อมกับยกตัวอย่างว่า…“เราอาจได้ยินสำนวนนี้บ่อยๆ หากดู หนังจีนกำลังภายใน เพราะในเรื่องมักจะมีผู้เฒ่า ซึ่งอาจจะเป็นชายหรือหญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมีอันตรายรอบด้าน จิตใจลํ้าลึกยากจะหยั่งถึงว่าคิดอะไร วางแผนดีชั่วอะไรไว้บ้าง”

ผมเห็นด้วยกับ Siamebook.com ครับว่า สำนวนนี้มาจากภาพยนตร์กำลังภายในหรือหนังสือกำลังภายในประเภทยุทธจักรนิยายต่างๆ แน่นอน และก็มาจากหลายๆ เรื่องด้วย

สำหรับนักการเมืองไทยรายแรกที่ได้รับฉายานี้ก็คือ ท่านอาจารย์ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี และนักเขียน นักคิด รวมถึงการเป็นนักแสดง หรือศิลปินชื่อดังของประเทศไทยเรานั่นเอง

โดยเฉพาะในช่วงปี 2518 ที่ พรรคกิจสังคม ของท่าน ซึ่งมี สส.เพียง 18 เสียง สามารถพลิกล็อกจัดตั้งรัฐบาลได้ และบริหารประเทศอยู่ปีเศษๆ ก่อนยุบสภา แสดงถึงความมีพิษสงรอบตัวของท่าน

ต่อมาหลังเกิดเหตุ 6 ตุลาคมแล้ว แม้จะมีการเลือกตั้งใหม่อีกหลายหน และท่านก็ไม่มีโอกาสกลับมาเป็นหัวหน้ารัฐบาลอีกเลย แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นพรรคฝ่ายค้าน และออกมาเป็นนักเขียนเต็มตัวในภายหลัง เขียนวิพากษ์วิจารณ์การเมืองได้อย่างเผ็ดร้อน จนได้รับ ฉายา “เฒ่าสารพัดพิษ” ควบคู่ไปกับฉายา “เสาหลักประชาธิปไตย”

ผมเองไม่ค่อยเห็นด้วยกับฉายา “เฒ่าสารพัดพิษ” ที่สื่อยุคโน้นตั้งให้ท่าน…เพราะมองว่าแม้ท่านจะมีเหลี่ยมดูทางการเมืองสูงมาก แต่ก็ใช้เหลี่ยมดูและการต่อสู้เพื่อระบบประชาธิปไตยมากกว่า

ผมจึงเห็นด้วยกับฉายา “เสาหลักประชาธิปไตย” ที่สื่อตั้งให้แก่อาจารย์หม่อมในช่วงหลังๆ

ต่อมาคำว่า “เฒ่าสารพัดพิษ” หายไปจากข่าวการเมืองไทยไปค่อนข้างนาน แต่เมื่อสักปีที่แล้วไปโผล่ในหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น ที่เรียกว่าการ์ตูนมังงะ…มีอยู่ชุดหนึ่งตั้งชื่อเรื่องว่า “เฒ่าสารพัดพิษกับอีหนูปืนโหด” เขียนโดย โมริ ทาอิชิ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ น่าจะขายดีพอสมควร และทุกวันนี้ก็ยังจัดพิมพ์อยู่

ล่าสุด ประมาณ 1-2 เดือนมานี้เองครับ หลังจากเกิดเหตุตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะจู่ๆท่านประธานวุฒิสภากัมพูชา สมเด็จฮุน เซน ก็ออกมาอาละวาดเล่นงานประเทศไทย อ้างว่าพื้นที่หลายๆ จุด ซึ่งเป็นของไทยแท้ๆ แต่เขามองว่าเป็นของเขา จะส่งเรื่องไปสู่ศาลโลก

จากนั้นทั้ง 2 พ่อลูก อันได้แก่ สมเด็จฮุน เซน และนายกรัฐมนตรีปัจจุบัน ฮุน มาเนต ก็หาเรื่องเล่นงานประเทศไทยทุกวันจนนำไปสู่การปิดด่านชายแดน และการตัดนํ้าตัดไฟตัดเน็ต และงดจำหน่ายสินค้าต่างๆ ในขณะนี้

ที่สำคัญมีการเล่นงานตระกูลชินของประเทศไทยด้วย ถึงขั้นตัดเป็นตัดตายไม่เผาผีกันเรียบร้อย

โดยเฉพาะสมเด็จฮุน เซน ซึ่งออกมาไลฟ์สดทุกวัน ปั่นประเทศไทยทุกวัน จนได้รับฉายา “เฒ่าสารพัดพิษ” จากสื่อไทยไปในที่สุด

ล่าสุด เมื่อวานนี้เองครับ นาย สม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา และคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญของสมเด็จฮุน เซน ที่ต้องลี้ภัยการเมืองอยู่ในต่างประเทศขณะนี้ ได้ออกแถลงการณ์ยาวพอสมควร แต่สรุปข้อใหญ่ใจความได้ว่า

การที่ฮุน เซน แสดงความโกรธเคืองต่อประเทศไทยไม่ใช่การแสดงออกถึงความรักชาติ หากแต่เป็นปฏิกิริยาทางการเมือง และเรื่องส่วนตัวที่มาจากความหวาดกลัว เพราะเขากำลังวิตกกังวลต่อความเป็นไปได้ที่ “ระบอบ” ของเขาซึ่งพัวพันอย่างลึกซึ้งกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติจะล่มสลายต่างหาก ฯลฯ และ ฯลฯ

คนอื่นวิจารณ์คงไม่รู้แก่นลึกเท่ากับคนชาติเดียวกันวิจารณ์ อ่านรายละเอียดที่คุณสม รังสี วิจารณ์แล้วก็เห็นด้วยกับฉายาที่สื่อมวลชนไทยตั้งให้สมเด็จฮุน เซน ครับ…“สารพัดพิษ” จริงๆ.

“ซูม”

เฒ่าสารพัดพิษ คำที่ใช้เปรียบเทียบบุคคลที่มีอายุและมีกลยุทธ์ทางการเมืองที่แยบยลและอันตราย