ให้กำลังใจคนไทย (อีกครั้ง) จับมือ “สู้สารพัดศึก” รอบด้าน

ผมอ่านบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ที่เหลือนี้ จากถ้อยแถลงของท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัย หอการค้าไทย ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ครั้งล่าสุดเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา…แล้วก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับท่าน

ท่านบอกผู้สื่อข่าวว่า ณ นาทีนี้เมื่อมองไปถึงสิ้นปี 2568 ท่านยังไม่เห็นภาพหรือสัญญาณในเชิงบวกเลย สะท้อนจากผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประมาณการไว้ว่าจะขยายตัวระหว่าง 1.5-2 เปอร์เซ็นต์

ค่อนข้างต่ำและใกล้เคียงกับที่ธนาคารโลกประมาณการล่าสุด เอาไว้ว่าประเทศไทยปีนี้น่าจะขยายตัว 1.8 เปอร์เซ็นต์

แต่เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองของประเทศไทยไม่นิ่ง และมีความร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม จากสถานการณ์ล่าสุด ที่ทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

ดร.ธนวรรธน์ย้ำว่า “เสถียรภาพรัฐบาล ถือเป็นประเด็นสำคัญ ที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนไทยเราเอง” ซึ่งหมายความว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเพิ่มขึ้นหรือน้อยลงกว่าที่คาดไว้ ยังเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามดูต่อไป

ในด้านแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยมองจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งตั้งใจจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 3 ของปีนี้ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่เห็นภาพชัดเจน ยังไม่ผ่านมติ ครม.ด้วยซ้ำว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

ล่าสุดเรื่องสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน และในที่สุด สหรัฐฯก็เข้าไปถล่มอิหร่านด้วยตามข่าวใหญ่เมื่อวันก่อนจนอาจ นำไปสู่การปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งจะมีผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นอย่างแน่นอน ที่น่าห่วงก็คือจะสูงทะลุเกิน 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรือไม่? เพราะถ้าเกิน 100 เหรียญจะมีผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยอย่างมาก

สำหรับประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะจบอย่างไร เราจะถูกเก็บภาษีกี่เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็อาจจะมีผลกระทบมาถึงอัตราการเจริญเติบโตของจีดีพี ซึ่งตํ่าอยู่แล้ว ให้ตํ่าลงไปอีก…ดร.ธนวรรธน์ยํ้า

ก็ขอฝากให้ผู้ที่รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจทั้งฝ่ายการเมืองและฝ่ายราชการประจำ ลองไปอ่านกันดู ทั้งหมดลงตีพิมพ์อยู่ในหน้า 2 ของหนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน…ที่ผ่านมาหลายๆ ข้อเสนอแนะ น่าจะมีประโยชน์อย่างยิ่ง

นั่งดูเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นครั้งนี้แล้วก็อดนึกถึงคำพูดเปรียบเปรยให้กำลังใจของผู้หลักผู้ใหญ่ที่พูดมานานแล้วว่า เวลาคนเรามีทุกข์ หรือมีเคราะห์มักจะไม่มีเพียงเรื่องเดียว

ส่วนใหญ่จะมาเป็นชุดๆ เคราะห์เรื่องนี้เคราะห์เรื่องนั้นประเดประดังเข้าใส่พร้อมๆ กันอยู่เสมอ

อย่างเคราะห์เรื่องเศรษฐกิจเรารู้กันอยู่แล้ว และคาดหมายอยู่แล้วว่าผลพวงจากนโยบายของทรัมป์คลั่ง จะทำให้เศรษฐกิจโลก ถดถอยลง แย่ลงไปพร้อมๆ กันทั่วโลก

แต่ที่ไหนได้ปัญหาด้านการขัดแย้งโน่นนี่ โดยเฉพาะการขัดแย้งในตะวันออกกลางยังจะส่งผลกระทบมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะเรื่องราคานํ้ามันที่ลดลงไปพอสมควร แต่กลับพุ่งขึ้นมาใหม่อีกรอบ

รวมทั้งปัญหาคันหัวจาก 2 พ่อลูกเขมรที่จู่ๆ ก็มาเรียกร้องเรื่องดินแดนโน่นนี่จนนำไปสู่ปัญหาด้านเศรษฐกิจชายแดนดังที่เกิดขึ้น

ทำให้เราต้องมาเสียเวลา เสียมันสมองในการที่จะสู้รบตบมือกับ 2 พ่อลูก แทนที่จะมีโอกาสได้ใช้สมองและฝีมือเต็มร้อยในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นตามครรลองอยู่แล้ว

ผมก็นึกถึงคำสอนของผู้หลักผู้ใหญ่ของเราขึ้นมาอีกที่มักจะบอกว่า แม้เคราะห์หรือความทุกข์มักจะมาพร้อมๆกันหลายเคราะห์หลายทุกข์ก็จริง แต่ถ้าเราใช้สติใช้ปัญญาในการแก้ไขและใช้ความอดทนในทุกๆ ปัญหา ในที่สุดสารพัดสารพันความทุกข์หรือเคราะห์นั้นก็จะค่อยๆคลี่คลายไป

สรุป…แม้ความทุกข์รอบนี้จะยาวนานหน่อย แต่ผมยังคงมั่นใจในคนไทยและประเทศไทย…ว่าเราจะสามารถผ่านไปได้ (อีกครั้งหนึ่ง) อย่างแน่นอนครับ.

“ซูม”

แนวโน้มเศรษฐกิจไทย 2568 และผลกระทบจากสงครามสหรัฐ-อิหร่าน