ผมหลบไปบันทึกเรื่องราวว่าด้วย “ความสุขแห่งชาติ” เสียหลายวันกรณีที่สาวไทยของเรา “น้องโอปอล” สุชาตา ช่วงศรี สามารถคว้ามงกุฎ “นางงามโลก” มาครองได้สำเร็จในรอบ 72 ปี นำความปลาบปลื้มเป็นล้นพ้นแก่พวกเราชาวไทย… จึงบันทึกไว้ 3 วันซ้อนๆ
นับว่าน้อยมากครับ เพราะช่วงที่น้องปุ๋ย ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ได้ตำแหน่ง มิสยูนิเวิร์ส เมื่อปี 2531 จำได้ว่าผมบันทึกร่วมๆ 10 วันเลยทีเดียว
เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าว ประเทศไทยของเราอยู่ในยุคโชติช่วงชัชวาลประสบความสำเร็จในการพัฒนาทุกด้าน
ไม่มีเรื่องทุกข์เรื่องร้อนใดๆ มาแผ้วพานเลย วันหนึ่งๆ จึงพูดถึงแต่น้องปุ๋ย น้องปุ๋ย…จนหนังสือพิมพ์ขายดิบขายดีเป็นเทนํ้าเทท่า เขียนอะไรเกี่ยวกับปุ๋ยก็มีแต่คนอยากอ่าน
ต่างกับ พ.ศ.นี้ประเทศไทยตกอยู่ในยุคพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก…เศรษฐกิจโลกแย่…เศรษฐกิจไทยแย่…เขมรส่งเสียงท้าตีท้าต่อย ผู้นำรัฐบาลไทยไปพลาดท่าเสียทีเฒ่าสารพัดพิษเขมรโดนอัดคลิปเอาคำออดอ้อนมาเผยแพร่
ส่งผลกระทบใหญ่หลวงทางการเมืองเมื่อมีเสียงเรียกร้องว่านายกรัฐมนตรีไทยสมควรจะต้องลาออกบ้าง ยุบสภาบ้าง เพื่อชดเชยการกระทำที่ผิดพลาดใหญ่หลวงครั้งนี้
แต่ก็ปรากฏว่านายกรัฐมนตรีและพรรคของท่านดูเหมือนจะเลือกอยู่ต่อไป อ้างว่าขอโทษประชาชนแล้ว ขอโทษทหารแล้ว ขืนลาออก หรือยุบสภาจะไปเข้าทางเขมรเสียเปล่าๆ
เมื่อนายกฯ ไม่ยุบสภาไม่ลาออก เรื่องยุ่งๆ ก็จะมีต่อไป เสียงคัดค้านจึงดังต่อ และการนัดหมายชุมนุมเพื่อคัดค้านรัฐบาลครั้งใหญ่ก็จะเกิดขึ้น ในวันเสาร์หน้า (28 มิถุนายน)
บันทึกว่าด้วยความสุขความสมหวัง และความปลาบปลื้มในการคว้ามงสำคัญของโลกคือ “Miss World 2025” มาครองได้ ของ น้องโอปอล จึงมีความยาวเพียงแค่ 3 วันด้วยประการฉะนี้
เอาเถอะครับ ยังไงๆ เรื่องของเหตุการณ์บ้านเมือง เรื่องของเศรษฐกิจถดถอย เรื่องของการเผชิญหน้ากับอสรพิษข้างบ้าน และ ฯลฯ ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันขณะนี้ก็เป็นเรื่องที่มีความสำคัญยิ่ง
สมควรที่จะต้องรีบกลับมาพูดถึงมาแสดงความคิดเห็นเพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาต่างๆ ให้ได้ผลลัพธ์ในทางที่ดี และเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติของเราเป็นส่วนรวมมากที่สุด
ข้อเสนอข้อแรกจาก ส.ว. หรือผู้สูงวัยอย่างผม ก็คงจะเป็นข้อเสนอว่า การใช้ “สติ” คู่ไปกับการใช้ “ปัญญา” ตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์นั่นแหละครับเหมาะสมที่สุดในห้วงเวลานี้
ขออย่าได้ใช้ “อารมณ์” อย่าได้ใช้ความหุนหันพลันแล่น ตลอดจนความโลภความโกรธความหลงต่างๆ มามีอิทธิพลเหนือจิตใจของเราอย่างเด็ดขาด
ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองแห่งกฎหมาย และระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษิตย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น
ในทางการเมืองเรามีรัฐธรรมนูญเป็นกรอบอยู่แล้ว เมื่อทางฝ่ายรัฐบาลจะใช้กลไกเท่าที่รัฐธรรมนูญเอื้อไว้ เพื่อการยื้อหรือการอยู่ต่อก็ต้องยอมให้เขาใช้ไป
ฝ่ายประท้วงฝ่ายไม่เห็นด้วยก็ทำหน้าที่ประท้วงไป ภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งการยื่นร้องทุกข์กล่าวโทษผ่านช่องทางต่างๆ ดังที่ปฏิบัติอยู่ ก็ให้รู้ไปว่าหัวหน้ารัฐบาล (รวมทั้งบิดาหัวหน้ารัฐบาล) จะสามารถฝ่าด่านหินเหล่านี้ไปได้
ในส่วนของการเผชิญหน้ากับเขมรนั้นบัดนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าอะไรเป็นอะไร โดยเฉพาะความร้ายกาจของนายฮุน เซน ซึ่งทำได้ทุกอย่าง ก็ขอให้เรารวมใจเป็นหนึ่งเดียว เดินหน้าสู้กับเขาในทุกเวทีสืบต่อไป
ผมยังเชื่อว่าหากเราใช้ “สติ+ปัญญา” ในการแก้ปัญหาของชาติที่ระเบิดขึ้นพร้อมกัน ณ นาทีนี้…ประเทศไทยของเราจะเป็นฝ่ายชนะในที่สุดแน่นอนครับ.
“ซูม”

