จุดเด่นที่สุดที่ถือว่าเป็นอาวุธสำคัญในการคว้ามง “มิสเวิลด์” 2025 มาครองได้สำเร็จของ “น้องโอปอล” สุชาตา ช่วงศรี ก็คือการตอบคำถามภาษาอังกฤษที่เธอตอบได้อย่างยอดเยี่ยม
ด้วยสำเนียงและสำนวนที่ไพเราะเพราะพริ้งและมากไปด้วยสาระ บวกความคิดสร้างสรรค์อย่างเหลือเชื่อ ว่าคนที่ไม่ใช่ลูกครึ่งฝรั่ง ไม่ใช่เด็กไทยที่โตเมืองนอก หรือเคยไปเรียนนอก จะตอบได้อย่างฉาดฉานเช่นนี้
ทำให้ต้องย้อนกลับไปดูว่า “น้องโอปอล” เรียนภาษาอังกฤษมาอย่างไร? โรงเรียนใด? จังหวัดใด?
จากการให้สัมภาษณ์ของคุณแม่น้องโอปอล สรุปข้อใหญ่ใจความได้ว่า เป็นฉันทานุมัติของครอบครัว คือทั้งของพ่อและแม่ที่จะให้โอปอลเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็กๆ
ระหว่างอายุ 1-3 ขวบ พ่อแม่จะสอนให้พูดไทยอย่างเดียวก่อน เพื่อให้เข้าใจภาษาไทยพื้นๆ และเพื่อให้มีสำเนียงภาษาไทยที่ไพเราะ เพื่อเป็นรากฐาน แต่จาก 3 ขวบเป็นต้นไป คุณแม่จะชวนเธอพูดภาษาอังกฤษ และใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในชีวิตประจำวัน
ประกอบกับที่จังหวัดภูเก็ตในช่วงเวลานั้นก็มี โรงเรียนขจรเกียรติพัฒนา ริเริ่มการเรียนการสอนในแบบ 2 ภาษาควบคู่กันไป (EP หรือ English Program) เป็นโรงเรียนแรกของจังหวัด และพ่อแม่ก็ตัดสินใจส่งโอปอลเรียนที่โรงเรียนนี้
โอปอลเรียนที่ภูเก็ตจนจบมัธยมต้น ได้ภาษาอังกฤษติดตัว
มาเรียนต่อมัธยมปลายใน กทม. โดยสอบเข้า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา แผนการเรียน ศิลป์–ภาษาจีน
น่าสนใจว่าในช่วงนี้เธอเรียนภาษาอังกฤษอย่างไร? ภาษาอังกฤษของเธอจึงดีอย่างต่อเนื่อง เพราะโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาไม่มีแผนการเรียนที่เรียกว่า EP หรือ English Program เหมือนโรงเรียนมัธยมอื่นๆ
สันนิษฐานว่าโอปอลน่าจะเรียนเพิ่มเติมด้วยตนเอง เพราะมีข่าวว่าญาติที่เคยเป็นนักการทูตมาช่วยสอนมารยาทในการเป็นทูต สอนวิธีการพูดแบบทูต และน่าจะรวมถึงวิธีการตอบคำถามในที่สาธารณะเป็นภาษาอังกฤษ จนเธอเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ
วิเคราะห์จากเส้นทางการเรียนภาษาอังกฤษของโอปอล จะพบว่าจริงๆ แล้วก็เป็นเส้นทางที่มีอยู่แล้ว และเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางในประเทศไทย ในช่วงประมาณ 20 ปีที่ผ่านมานี้
นอกเหนือจากโรงเรียนนานาชาติ หรือ International School หลักสูตรนานาชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ที่โผล่ผุดขึ้นอย่างมากมาย เพื่อรองรับครอบครัวนักลงทุน นักธุรกิจ หรือเศรษฐีต่างๆ ที่ประสงค์จะส่งลูกมาเรียนโรงเรียนอินเตอร์บ้านเราแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งกว่าดอกเห็ดในบ้านเราก็คือโรงเรียน 2 ภาษา หรือโรงเรียนที่เรียกว่า EP สำหรับเด็กไทยโดยตรง ดังเช่นโรงเรียน ขจรเกียรติพัฒนา ที่น้องโอปอลเรียนที่ภูเก็ตนั่นเอง
พ่อแม่ไทยยุคใหม่นิยมส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียน 2 ภาษา เหล่านี้มากขึ้น ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษาและมัธยมต้น
รวมทั้งหันมาพูดภาษาอังกฤษกับลูกตั้งแต่ยังเล็กเช่นเดียวกับคุณแม่ของน้องโอปอล
โรงเรียนรัฐบาลดังๆ ก็เปิดหลักสูตร EP เต็มไปหมด ทั้งมัธยมต้น มัธยมปลาย ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด
ทำให้เด็กไทยยุคใหม่แตกฉานภาษาอังกฤษขึ้นอย่างมาก
จริงอยู่ความสำเร็จของน้องโอปอลน่าจะมาจากการฟูมฟักและสนับสนุนเพิ่มเติมอย่างจริงจังจากครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่ของเธอ ซึ่งมีส่วนสำคัญยิ่งในการปั้นเธอสู่ตำแหน่งนางงามโลก
แต่อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าการเร่งรัดขยายการเรียนภาษาอังกฤษในระบบการเรียนการสอนของเราที่ผ่านมานั้นประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งละน่า
แฮ่ม! เวลาไปทดสอบโน่นนี่ แล้วภาษาอังกฤษ เด็กไทยโดยเฉลี่ยยังบ๊วยอยู่ก็ช่างเหอะ อย่างน้อยก็ยังมีน้องโอปอลช่วยกู้หน้าเอาไว้ 1 คน…ในฐานะผลิตผลของประเทศไทย 100%.
“ซูม”