ทุกครั้งที่คนไทยเราไปคว้าชัยชนะระดับโลกในการแข่งขันต่างๆ โดยเฉพาะด้านกีฬาและความสวยงาม ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศจะมีความสุขความปลาบปลื้มอยู่เสมอ
โดยเฉพาะจากการประกวดความงามบนเวทีระดับโลกและได้ “แชมป์” มา 2 ครั้ง จากเวทีมิสยูนิเวิร์ส หรือนางงามจักรวาล ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่และยังอยู่ในความทรงจำของคนไทยจนบัดนี้
สาวไทยคนแรกที่ไปคว้า “มง” หรือ “มงกุฎ” มิสยูนิเวิร์สได้แก่ อาภัสรา หงสกุล เมื่อ ค.ศ.1965 หรือ พ.ศ.2508
ทันทีที่ “น้องปุ๊ก” คว้ามงมาได้จากสหรัฐอเมริกา หนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพาดหัวยักษ์ขึ้นหน้า 1 ข่าววิทยุก็รายงานเซ็งแซ่ แม้แต่โทรทัศน์ซึ่งมีไม่กี่ช่องก็รายงานเต็มที่เช่นกัน
การเดินทางกลับบ้านครั้งแรกหลัง “สวมมง” ของน้องปุ๊ก มีพี่น้องประชาชนชาวไทยไปต้อนรับมืดฟ้ามัวดินที่สนามบินดอนเมือง และ 2 ฟากถนนที่ขบวนของเธอ ซึ่งมุ่งหน้าจะไปยังที่ทำการเทศบาลนครกรุงเทพฯ เสาชิงช้า มีผู้คนมายืนต้อนรับแน่นขนัด
ภาพน้องปุ๊กบนรถเปิดประทุน เชฟโรเลต คันเดียวในประเทศไทยของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐขณะเคลื่อนไปช้าๆ ยังอยู่ในความทรงจำของผมจนบัดนี้
พ.ศ.2508 เป็นช่วงสุดท้ายของแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 1 ของประเทศไทย (2504-2509) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นแผนพัฒนาฯ ที่ประสบความสำเร็จสูงสุด
จำได้ว่า GDP พุ่งพรวดขึ้นไปถึง 8-9 เปอร์เซ็นต์ และบางปีก็ 10 เปอร์เซ็นต์ แต่โดยเฉลี่ยก็คือ 8 เปอร์เซ็นต์
ชัยชนะจากการคว้ามงระดับโลก หรือ มิสยูนิเวิร์ส ของ อาภัสรา หงสกุล มาครองได้ ถือเป็นการช่วยเติมเต็มความสุขของคนไทย ซึ่งอยู่ในภาวะ “นํ้าไหล ไฟสว่าง ทางดี มีงานทำ” ของแผนพัฒนาฯฉบับที่ 1 ให้สุขมากขึ้นไปอีก
จากนั้นคนไทยต้องรอคอยถึง 23 ปี จนถึง ค.ศ.1988 หรือ 2531 สาวไทยคนที่ 2 ของเรา “น้องปุ๋ย” ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ก็ไปคว้ามง “มิสยูนิเวิร์ส” มาสวมได้สำเร็จอีกครั้ง
ยุคนั้นเป็นยุคที่นายกรัฐมนตรี ได้แก่ พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งรับช่วงจาก พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ผู้บริหารประเทศมากว่า 8 ปี และบอกว่าพอแล้ว
ป๋าเปรมลงจากตำแหน่งหลังจากช่วยกู้เศรษฐกิจไทยที่ย่ำแย่ให้กลับมารุ่งเรือง เป็นประเทศ “อุตสาหกรรมใหม่” สู่ยุคโชติช่วงชัชวาลกลายเป็นเสือตัวใหม่ของอาเซียน และเอเชีย ดังที่ทราบกันอยู่แล้ว
ในยุคต้นๆ ของ “น้าชาติ” จึงถือว่าเป็นยุคของการพัฒนาต่อจากป๋าเปรม ซึ่งเต็มไปด้วยความสุข ความสำเร็จ จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจเช่นกัน การได้ตำแหน่งนางงามจักรวาลของภรณ์ทิพย์ จึงเท่ากับมาเติมเต็มความสุขให้แก่คนไทยให้มากยิ่งขึ้นในยุคเศรษฐกิจรุ่งเรืองคล้ายๆ กับอาภัสราในอดีตกาล
สำหรับล่าสุดน้อง “โอปอล” สุชาตา ช่วงศรี ซึ่งข้ามสถาบันมาคว้ามง “Miss World” อันมีศักดิ์ศรีทัดเทียมกับนางงามจักรวาล หลังจากรอคอยมา 72 ปี ก็สร้างกระแสได้ไม่เลว
ในโซเชียล ในยูทูบ ในติ๊กต่อกวันนี้พูดถึงเธอด้วยความชื่นชม โดยเฉพาะการกล่าวสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษได้อย่างจับใจ ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปอยู่ต่างประเทศ สามารถชนะใจคนไทยอย่างท่วมท้น
แต่น่าเสียดายที่น้องโอปอลมาในจังหวะที่ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหา ทั้งในแง่เศรษฐกิจที่ย่ำแย่และการเมืองที่วุ่นวายยิ่ง
ความสุขที่คนไทยได้รับจากเธออาจไม่มากเท่า 2 มงแรก ซึ่งมาในจังหวะที่บ้านเมืองมีความสุขดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว
ก็เอาเถอะครับได้แค่ไหนก็แค่นั้น…เท่าที่เห็นเธอสวมมง “มิสเวิลด์” ได้ยินเธอพูดภาษาอังกฤษ ได้ยินใครต่อใครกล่าวสรรเสริญชื่นชมเธอ ณ นาทีนี้พวกเราคนไทยก็แฮปปี้ขึ้นมาเยอะแล้วครับ
ขอบคุณอีกครั้งน้องโอปอล สำหรับนํ้าทิพย์ชโลมใจหยดใหญ่มากที่เธอมอบให้แก่พวกเราชาวไทยในยามต้องการอย่างยิ่ง เมื่อ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา.
“ซูม”