จากใจผู้ป่วยวิกฤติ (ตัวจริง) ถึง “แพทยสภา” 12 มิถุนายน

ผมขออนุญาตใช้สำนวนพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ “มติชน” ฉบับเช้าวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม สำหรับสรุปประเด็น “ข่าวสาร” สำคัญข่าวหนึ่งที่ผมมีความประสงค์จะแสดงความคิดเห็นและให้กำลังใจแก่กลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งในเนื้อข่าวที่ผมเห็นว่าท่านได้กระทำหน้าที่ และตัดสินใจมีมติในสิ่งที่ผมเห็นว่าถูกต้องแล้ว ชอบแล้ว และสมควรอย่างยิ่งแล้ว

ได้แก่ พาดหัวข่าวขนาดกลางๆ ไม่ใหญ่เกินไป แต่ก็ไม่เล็กเกินไปที่ว่า…“ค้านมติแพทยสภา ฟัน 3 หมอ…สมศักดิ์แจงยิบวีโต้”

โดยมีหัวข่าวขนาดเล็กขยายความอีก 4 ย่อหน้า ดังนี้ “ยึดผลทีมสืบสวนชี้ไม่ผิด…ยันไร้ใบสั่งเอื้อคดีชั้น 14…บอร์ดแพทย์นัดถก 12 มิ.ย. ถ้ายืนโทษต้องเสียง 2 ใน 3”

ส่วนรายละเอียดว่าท่านรัฐมนตรีสาธารณสุข สมศักดิ์ เทพสุทิน แจงยิบเอาไว้อย่างไร ผมเชื่อว่าท่านที่สนใจและติดตามข่าวนี้มาโดยตลอด คงจะได้อ่านรายละเอียดจากหนังสือพิมพ์ และสำนักข่าวออนไลน์ต่างๆ กันบ้างแล้ว ขออนุญาตไม่นำมาสรุปให้เปลืองเนื้อที่ในวันนี้นะครับ!

ข่าวจากสื่อมวลชนทุกแขนงสรุปตรงกันว่า เลขาธิการแพทย สภาได้รับหนังสือตอบกลับจาก รมว.สมศักดิ์แล้วจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาในวันที่ 12 มิ.ย.นี้

ทั้งนี้ หากที่ประชุมจะยืนยันตามมติเดิมที่ออกไป เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 ต้องลงคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการทั้งหมด ซึ่งเดิมมี 70 คน แต่ในกรณีนี้จะมี 1 คน ที่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย คือนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เนื่องจากเป็นผู้ถูกกล่าวหา ท่านหรือผู้แทนก็จะต้องงดออกเสียง

ดังนั้นในการประชุมวันที่ 12 มิถุนายนนี้ เสียงสูงสุดจะอยู่ที่ 69 เสียง โดยล่าสุดคณะกรรมการ หรือผู้แทนทุกท่าน ได้ตอบกลับหนังสือเชิญประชุมว่าจะเข้าร่วมประชุม ฉะนั้นจะเป็นเสียง 2 ใน 3 จากคณะกรรมการ 69 คน

ผมจึงหวังว่าท่านคณะกรรมการ หรือผู้แทน จะมาประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง และมีมติออกเสียงยืนยันมติการประชุมครั้งที่แล้ว จนเกิน 2 ใน 3 ของคณะกรรมการในที่สุด

ในฐานะคนขี้โรคที่ป่วยโน่นป่วยนี่มาตลอดชีวิต และล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมาก็ป่วยหนักอีก เพราะถ่ายอุจจาระปนเลือดติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่าแบบ “นอนสต็อป” จนต้องถูกประคองปีกเข้าสู่ห้องฉุกเฉิน “ด่านหน้า” ของโรงพยาบาลรามาธิบดี และต้องเข้ารับการพักรักษาจนพ้นวิกฤติอยู่ถึง 9 วัน 9 คืน ค่อยกระย่องกระแย่งกลับบ้านได้

เผชิญกับการป่วยวิกฤติด้วยตนเอง และนอนอยู่ข้างๆ ผู้ป่วยวิกฤติสารพัดสาเหตุอีกเกือบ 100 คนในห้องฉุกเฉินใหญ่ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งแต่เที่ยงวันจนถึง 2 ทุ่มถึงมีห้อง ไอซียู ว่าง และถูกส่งตัวไปนอน ไอซียู หรือ Intensive Care Unit 4 วันเต็มๆ จึงออกมานอนห้องปกติได้

นึกถึงช่วงเวลาที่เลือดยังคงไหลไม่หยุดจนชีพจรเต้นอ่อนลงทุกขณะ ซึ่งอาจจะเกิดอาการช็อกได้ทุกวินาทีในช่วงเวลานั้น แต่ในที่สุดก็ค่อยๆ ฟื้นหลังจากได้รับ “เลือด” เพิ่มเติม ผ่านทางสายยางเข้าเส้นเลือด และมาทราบภายหลังจาก “ใบเสร็จ” โรงพยาบาลชี้แจงรายละเอียดว่าเป็นการให้เลือด รวมทั้งสิ้นถึง 7 ถุง

ปกติเวลาเข้าโรงพยาบาล ผมไม่เคยดูรายละเอียดในใบเสร็จเลยแต่ครั้งนี้ เนื่องจากเราเข้าในฐานะ “ผู้ป่วยวิกฤติ” จึงขออนุญาตภรรยาหยิบใบเสร็จ 1 ปึก รวม 12 หน้ากระดาษ มาเปิดดูเสียหน่อยถึงได้รู้ว่าถ้าเราป่วยจริง รักษาจริงละก็ในใบเสร็จนั้นจะบันทึกรายการไว้อย่างละเอียดยิบ ว่าคุณหมอฉีดยาอะไร? ดมยาอะไร? ใช้เครื่องมือ อะไร? และที่สำคัญที่สุดคิดเป็นเงินเท่าไร?

ด้วยเหตุนี้ในฐานะผู้ที่เพิ่งป่วยวิกฤติมาหมาดๆ และได้รับบริการอย่างดีเยี่ยมของโรงพยาบาลรามาธิบดีจนผ่านวิกฤติมาได้ผมขอเป็น 1 เสียงที่จะให้กำลังใจและสนับสนุนการตัดสินใจอีกครั้งของคณะกรรมการแพทยสภาที่จะยืนยันมติครั้งที่แล้วด้วยเสียงโหวต 2 ใน 3 ตามที่กฎหมายกำหนดในวันที่ 12 มิถุนายนนี้นะครับ.

“ซูม”

ผู้ป่วยวิกฤติแบ่งปันประสบการณ์ใน ICU และสนับสนุนมติแพทยสภา หวังให้ยืนยันมติด้วยเสียง 2 ใน 3 เพื่อความยุติธรรมในระบบแพทย์