เมื่อไทย “เป็นที่ 1” อาเซียน ความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในอดีต

หลังจากที่ท่านเลขาธิการสภาพัฒน์แถลงตัวเลขการขยายตัวของจีดีพีไตรมาสแรกปีนี้ว่าอยู่ที่ 3.1 เปอร์เซ็นต์ แต่มีรัฐมนตรีท่านหนึ่งของรัฐบาลบอกว่าก็ยังเป็นอัตราขยายตัวที่เกิน 3 เปอร์เซ็นต์ และเป็นฝีมือของรัฐบาลนี้โดยตรง

ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลได้ยินดังนั้นก็เอาตัวเลขการขยายตัวของจีดีพีไตรมาสแรกของ 6 ประเทศชั้นนำอาเซียนมาไล่เรียงให้ดู ปรากฏว่าเวียดนามเป็นที่ 1 ขยายร้อยละ 6.9 ฟิลิปปินส์เป็นที่ 2 ร้อยละ 5.4 อินโดนีเซียเป็นที่ 3 ร้อยละ 4.9

มาเลเซียเป็นที่ 4 ร้อยละ 4.4 สิงคโปร์เป็นที่ 5 ร้อยละ 3.8 ส่วนไทยนั้นเมื่อได้แค่ร้อยละ 3.1 ก็ต้องเป็นที่ 6 หรือน้อยสุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจแข็งของอาเซียน ไม่รวมลาว พม่า กัมพูชา บรูไน และติมอร์ เลสเต–ฉะนั้นท่านรัฐมนตรีจงอย่าคุยและอย่าคุย

ผมเองแม้จะรู้สึกผิดหวังนิดๆ ที่เราตกมาเป็นบ๊วยของ 6 ประเทศหลักอาเซียน แต่ก็แอบปลอบใจตัวเองว่า “ช่างมันเถอะ สมบัติผลัดกันชม…6 ประเทศอาเซียนที่ว่านี้ล้วนเก่งๆ ทั้งนั้น ผลัดกันเป็นที่ 1 อาเซียนมาโดยตลอด

สมัยผมเรียนมัธยมจำได้ว่าฟิลิปปินส์รุ่งมาก ตัวเลข GDP เท่าไร สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีใครพูดถึง แต่ประเด็นที่ทำให้ฟิลิปปินส์เป็นที่ 1 ของอาเซียนอยู่ที่การพัฒนาการศึกษาที่สหรัฐฯ มาปักหลักช่วยพัฒนาให้จนคนไทยเราไปเรียนฟิลิปปินส์กันเยอะ และถือว่าเป็นการไป “เรียนนอก” ประหนึ่งน้องๆ ไปยุโรปไปอเมริกาเลยทีเดียว

ต่อมาอินโดนีเซียก็โด่งดังมาก ยุค ประธานาธิบดี ซูฮาร์โต อินโดนีเซีย โดดเด่นที่สุดทั้งในด้านเศรษฐกิจและการกีฬา โดยเฉพาะกีฬา ครองตำแหน่งแชมป์ “เจ้าเหรียญทอง” ซีเกมส์ปีแล้วปีเล่า จนชาวอาเซียนอิจฉา

ในส่วนของมาเลเซียนั้น อาจไม่ถึงกับเป็นที่ 1 อาเซียน แต่ก็ยอมรับว่าเป็นประเทศที่มีระดับการพัฒนาสูง ติดระดับผู้นำอาเซียนมาโดยตลอด…ซึ่งในช่วงนั้นสิงคโปร์ยังไม่ได้แยกตัวออกมา แม้จะเป็นที่โจษขานพอสมควร แต่ก็ถือว่าเป็นรัฐหนึ่งของมาเลเซีย

ประเทศไทยเราตอนแรกก็เกาะกลุ่มมาห่างๆ ไม่ถึงกับโดดเด่น แต่ก็ไม่ล้าหลัง จนกระทั่งถึงยุค “ป๋าเปรม” ซึ่งโชคดีได้นักเศรษฐศาสตร์ภาคราชการ ดร.เสนาะ อูนากูล เลขาธิการสภาพัฒน์ มาเป็นมือขวานำทีมแก้ปัญหาเศรษฐกิจหลังลดค่าเงินบาท 2527 ได้อย่างยอดเยี่ยม

ตามมาด้วยการ วางแผนพัฒนาฉบับที่ 5 ที่มีทั้ง แผนรุก และ แผนรับ โดยเฉพาะ แผนพัฒนาชายฝั่งทะเลตะวันออก (อีสเทิร์น ซีบอร์ด) นำประเทศไทยสู่ความ “โชติช่วงชัชวาล” กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ของเอเชีย เป็นที่ 1 ของอาเซียนอยู่หลายปี ถือเป็นยุคที่คนไทยมีความสุขที่สุด

เวียดนาม นั้นไม่ต้องพูดถึงหรอกครับ จากการถูกผ่าประเทศกลายเป็นเหนือใต้ต้องสู้รบกันเอง โดยการยุยงของมหาอำนาจ 2 ขั้ว ทำให้ประเทศตกอยู่ในสภาพอดอยากยากจนอยู่หลายปี

ดังนั้นเมื่อเขาเลิกรบกันหันมาพัฒนาประเทศร่วมกันกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในขณะนี้ และได้รับการคาดหมายว่าคงจะแซงประเทศไทยเราได้ในเวลาอันไม่นานข้างหน้า ก็ควรที่จะแสดงความยินดี และปรบมือให้ที่เขามีความมานะบากบั่นขยันขันแข็งและไม่ท้อถอยจนมีวันนี้

สำหรับประเทศไทยของเราผมเชื่อว่าเราทราบดีว่าทำไมเราเดินทางมาถึงวันนี้เร็วนัก จากที่ 1 อาเซียนมาเป็นบ๊วยในกลุ่ม 6 ประเทศหลัก

เศรษฐกิจกับการเมืองเป็นของคู่กัน…การเมืองนิ่ง ผู้นำดี และเข้มแข็ง เศรษฐกิจก็ไปโลด…การเมืองไม่นิ่งทะเลาะกันวุ่นวายคอร์รัปชันเต็มเมืองแถมผู้นำยังเป็นมือใหม่หัดขับ…การเป็น “บ๊วย” ในกลุ่มเพื่อนจึงไม่ใช่เรื่องยาก

ก็ได้แต่ให้กำลังใจและท่องคำว่า “สมบัติผลัดกันชม” ต่อไป…โอกาสที่เราจะกลับมาเป็นที่ 1 อีกครั้ง ยังไงๆ ก็มีแน่ เพียงแค่ว่าจะต้องรอนานหน่อย เท่านั้นเอง เพราะเราทะเลาะกันแรงเหลือเกิน

สำหรับในช่วงเวลาอันสั้นข้างหน้านี้อย่าคิดอะไรมาก…คิดแค่ว่าทำอย่างไรเราจะไม่บาดเจ็บหนักหนาสาหัส จากเศรษฐกิจโลกปั่นป่วนในยุคทรัมป์ก็พอแล้วครับ.

“ซูม”

เปรียบเทียบ GDP อาเซียน ไตรมาสแรกปี 2025 สะท้อนเศรษฐกิจไทย 2025 รั้งท้ายในกลุ่มประเทศหลัก