เบื้องหลังหนัง “โหมโรง” “ดังมาก” เพราะ “ผู้หญิง” คนนี้

วันนี้ผมขอหลบเรื่องเครียดๆด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจมาเขียนถึงเรื่อง “บันเทิง เริงรมย์” เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและเปลี่ยนอารมณ์เผื่อจะช่วยให้ท่านผู้อ่านผ่อนคลายความวิตกกังวลในอนาคตของบ้านเมืองเราลงได้บ้าง…สักเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดีว่างั้นเถอะครับ

ในช่วงที่ผมล้มป่วยต้องเข้าโรงซ่อมสุขภาพรามาธิบดีไปถึง 9 วันนั้น ตรงกับการแสดงละครเวทีเรื่อง “โหมโรง เดอะมิวสิคัล ๒๕๖๘” หรือการกลับมาอีกครั้งในรอบ 10 ปีของละครเดอะมิวสิคัล เรื่องนี้ ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ที่สยามสแควร์ วัน ระหว่าง 4-18 พฤษภาคม พอดิบพอดี

เท่าที่ผมติดตามจากโซเชียลต่างๆ ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า ละครประสบความสำเร็จอย่างสูงมาก นักแสดงทุกๆ ท่านยังรักษาฝีมือและคุณภาพดั้งเดิมเอาไว้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

ได้นักแสดงระดับครูคนใหม่อย่าง “ตู่-นพพล” มาแสดงเป็น “ท่านครู” หรือ หลวงประดิษฐไพเราะ ยามอาวุโสก็ยิ่งช่วยให้ละครซาบซึ้งตรึงใจ ดูแล้วน้ำตาไหลด้วยความรักความหวงแหนในศิลปะวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะดนตรีไทย

ประเด็นที่ผมตั้งใจจะเขียนในวันนี้ก็เพื่อที่จะยืนยันอีกครั้งหนึ่ง (เพราะน่าจะเคยเขียนผ่านคอลัมน์นี้ไปบ้างแล้ว) ว่าความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงของภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” มาจนถึงละครเวทีเรื่อง “โหมโรง เดอะมิวสิคัล” อีกหลายครั้งนั้นเป็นเพราะสุภาพสตรี

ท่านหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหลัง และเป็นผู้ “ปิดทองหลังพระ” ตัวจริงเสียงจริง

ท่านชื่อ เตือนใจ ดีเทศน์ ครับ เป็นนักพัฒนาสังคม เป็นนักพัฒนาชนบท และเคยเป็นท่าน สว. หรือวุฒิสมาชิกของจังหวัดเชียงราย

บ่ายวันหนึ่งของปี 2547 ที่ภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” ออกฉายนั้นท่านแวะมาหาผมที่โรงพิมพ์ไทยรัฐ บอกว่าอยากให้ผมไป

ดูภาพยนตร์เรื่องนี้ และขอให้เขียนให้กำลังใจภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย เพราะฉายมาหลายวันแล้ว ไม่มีคนดู กำลังจะถูกถอดจากโรง

ท่านเล่าว่า ท่านได้รับเชิญไปชมในฐานะกรรมาธิการศิลปะวัฒนธรรมของวุฒิสภาเป็นภาพยนตร์ที่ดีมาก และท่านเสียดายมาก หากภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่มีคนดู

ท่านบอกผมด้วยว่าท่านเพิ่งไปขอร้อง อาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ซึ่งขณะนั้นเป็นบอร์ดของ อสมท และ อาจารย์ธงทอง รับปากว่า จะรีบไปดูและได้ผลอย่างไรก็จะขอให้ คุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ซึ่งมาจัดรายการข่าวตามสไตล์คุณสรยุทธอยู่ที่ อสมท และเป็นรายการโด่งดังมากในขณะนั้นช่วยประชาสัมพันธ์อีกแรงหนึ่ง

ผมเดาว่าท่าน สว.เตือนใจน่าจะไปหาคนรู้จักในแวดวงสื่อสารมวลชนอีกหลายๆ ท่านหลังจากที่มาพบผม

คืนนั้นผมไปตีตั๋วดูทันทีรอบดึกที่โรงภาพยนตร์ ในห้าง โลตัส บางกะปิ สาบานได้ว่ามีคนดูไม่ถึง 10 คน…แต่ทั้ง 8-9 คนนั้น ต่างก็ดูด้วยความสุข สนุก และมันไปกับการเดินเรื่อง

โดยเฉพาะฉากดวลระนาดอันยิ่งใหญ่ ระหว่างนายศรกับ “ขุนอิน” คนแรก ณรงค์ฤทธิ์ โตสง่า นั้น คนดูทั้ง 8-9 คนรวมทั้งผมถึงกับปรบมือออกมาพร้อมๆกัน

รุ่งขึ้นผมเขียนผ่านคอลัมน์นี้ 2 วันซ้อน คุณสรยุทธพูดผ่านรายการข่าวที่ฮิตมากของเขาใน พ.ศ.นั้นที่ อสมท ยาวเหยียด

นักจัดรายการวิทยุอีกหลายๆ ท่านก็พูดกันยกใหญ่ตามมา…

มีอยู่ท่านหนึ่งบอกว่าน่าจะดีจริงต้องไปดูบ้างละ “คุณซูม” ไทยรัฐ แกเขียนให้ตั้ง 2 วันซ้อนแน่ะ

กลายเป็นกระแสไปทั่วกรุงและทั่วประเทศไปในทันทีเพียงข้ามสัปดาห์ และในที่สุดภาพยนตร์เรื่อง “โหมโรง” ซึ่งเกือบถูกถอดออกจากโรง ก็กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินรวมทั้งสิ้น 52.72 ล้านบาท และกลายเป็นต้นตระกูล “โหมโรง” มาเป็นละคร “มิวสิคัล” ที่โด่งดังจนถึงวันนี้

ในโอกาสที่ละคร “โหมโรง” กลับมาโด่งดังอีกครั้งใน พ.ศ.นี้จึงขออนุญาตนำมาเขียนขอบคุณท่านอีกครั้งในวันนี้นะครับ.

“ซูม”

โหมโรง เดอะมิวสิคัล 2568 แสดงถึงพลังของดนตรีไทยและศิลปะการแสดงที่กลับมาอย่างยิ่งใหญ่