มีการพูดกันในแวดวงนักวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยว่าในช่วงปี 2 ปีมานี้เครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจที่ทำหน้าที่ได้ดีที่สุด และเป็นตัวช่วยในการพยุงเศรษฐกิจไทยได้อย่างดีที่สุดก็คือ ตัวเลขด้านการท่องเที่ยวนั่นแหละครับ
อย่างปี 2567 หรือปีที่แล้วตัวเลขรายได้ด้านการท่องเที่ยวที่ใช้เป็นหลักในการคำนวณตามสูตรจีดีพีของสำนักต่างๆจะอยู่ที่บทสรุปของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ประเมินว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยรวม 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ทั้งสิ้นถึง 1.67 ล้านล้านบาทนั่นเอง
แม้จะยังไม่สูงเท่ายุคก่อนโควิดก็ถือว่า “ดีมาก” แล้ว สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันนี้
แต่มาถึงวันนี้ผ่านเดือนเมษายนหรือเดือนที่ 4 ของปี ย่างเข้าสู่พฤษภาคม หรือเดือนที่ 5 นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักออกมาพูดเหมือนๆกันหมดว่า กิจการท่องเที่ยว กำลังถดถอยอย่างมีนัยสำคัญ
บ้างก็ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงถึงร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว
ลดมากที่สุดก็คือจีน ราวๆ 30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว เกาหลีใต้ก็ลดไป 15 เปอร์เซ็นต์ และแม้แต่มาเลเซียก็ยังลดประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์
ที่เพิ่มขึ้นก็มีรัสเซีย 14 เปอร์เซ็นต์ อินเดีย 16 เปอร์เซ็นต์ รวมๆแล้วจึงทำให้เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ยลดไปร้อยละ 9 ดังกล่าว
คำถามก็คือปัญหาที่ทำให้เครื่องยนต์ “ท่องเที่ยว” สำลัก หรือสะดุดอยู่ตรงไหน? คำตอบที่ตรงเป้าที่สุดก็อยู่ที่สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ปั่นป่วน ผัวผวนสุดขีดจากฝีมือของ “ท่านทรัมป์คลั่ง” นั่นแหละครับ
ด้วยภาวะเศรษฐกิจในลักษณะนี้ ผู้คนที่ไหนจะมีแก่ใจอยากเที่ยว เพราะยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ต้องหาทางประหยัดเก็บเงินกันไว้ก่อน
ส่วนปัญหาเฉพาะเจาะจงลึกลงไปสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะกรณีนักท่องเที่ยวจีนนั้นก็อย่างที่ทราบ เศรษฐกิจจีนซึ่งเป็นเป้าใหญ่สุดของทรัมป์ก็ชวนเซ รัฐบาลจีนหันมาสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศตนเอง ส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่ยังออกเที่ยวอยู่ก็เลือกไปญี่ปุ่นเป็นอันดับ 1 รองลงมาคือเวียดนาม
จำนวนมากเลิกมาไทยเพราะกลัวความไม่ปลอดภัยกลัวพวก Call Center พวกค้ามนุษย์ โดยเฉพาะกรณีดาราจีนถูกหลอกไปพม่าเขย่าขวัญที่สุด ฯลฯ
จริงๆแล้วเราก็รู้ “สาเหตุ” เกือบจะทุกข้อ และก็พยายามจะแก้ปัญหาไปตามเหตุนั้นๆ เช่นมีข่าวว่าทางรัฐบาลก็กำลังจะเร่งโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือชี้แจงไปยังตลาดจีนขนานใหญ่ผ่าน อินฟลู
เอนเซอร์ คนดังชาวจีนต่างๆ…จะได้ผลแค่ไหนคงต้องลุ้นกันต่อไป
ผมเชียร์การท่องเที่ยวมาตลอด แต่ก็เตือนล่วงหน้าไว้เช่นกัน ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ไม่ดีแน่ๆ ส่อแววตั้งแต่ “ทรัมป์คลั่ง” ได้รับการเลือกตั้งกลับมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ โน่นแล้ว และในที่สุดก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ผมเป็นห่วงก็แต่ว่ารัฐบาลจะสู้ผิดทางเท่านั้น เห็นพูดแต่
“เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์+กาสิโน” อยู่นั่นแหละ
นี่ไม่ใช่แนวทางในการแก้ปัญหานะครับ เพราะเป็นเรื่องระยะยาวมากกว่าจะลงมือก่อสร้าง และสร้างเสร็จก็อีก 2-3 ปี…จะกลายเป็นการเสี่ยงลงทุนแล้วไม่มีคนมาเที่ยวมาเล่นกาสิโนที่ว่า จะเสียหายหนักเข้าไปอีก
จู่ๆท่านนายกฯ ก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งๆ ที่มีเสียงคัดค้านหึ่ง ก็ยังยืนกระต่ายขาเดียว ผมฟังแล้วก็ใจไม่ดี…เครื่องบินประเทศไทย
กำลังจะฝ่าพายุใหญ่ ในขณะที่กัปตันก็มือใหม่หัดขับ…จะฝ่าไหวหรือไม่ยังไม่รู้ กลับยืนหยัดจะเดินหน้าโครงการที่มีความขัดแย้งสูงเอาซะอีก
เดี๋ยวเครื่องบินก็โคลงทั้งลำ จะฝ่าพายุใหญ่ได้อย่างไรไหว…
แค่ฝ่า “ลมว่าว” ธรรมดายังจะร่วงเลยครับ ถ้าทะเลาะกันแบบนี้.
“ซูม”