“วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ปีนี้ มีทั้ง “ข่าวดี” และ “อำลาอาลัย”

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า วันที่ 13 เมษายนของทุกปี นอกจากจะเป็น “วันสงกรานต์” หรือวันขึ้นปีใหม่แบบไทยๆ ของเราแล้ว…รัฐบาลไทยในอดีตยังกำหนดให้เป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ”ควบคู่ไปด้วย

ในแต่ละปีรัฐบาลโดยกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือที่ใช้อักษรย่อว่า พม. จะทำหน้าที่ในการจัดกิจกรรมหลักให้แก่ ผู้สูงอายุ และ “วันครอบครัว” ไปพร้อมๆ กัน

ผมเองไปมุ่งมั่นเขียนแค่เรื่องราวของการจัดงานสงกรานต์เพราะอยากให้งานสนุกอย่างเต็มที่ ผู้คนออกเที่ยวเต็มที่ และดึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาบ้านเราให้มากที่สุด เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาของเราให้เพิ่มขึ้นมาบ้าง

เขียนแค่เรื่องท่องเที่ยวและการจัดงานสงกรานต์ที่โน่นที่นี่เสียจนลืม “งานวันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ไปเสียสนิทใจ

จนเสร็จงานสงกรานต์กลับมานั่งโต๊ะทำงานที่โรงพิมพ์ จึงได้พบกับข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับผู้ได้รับรางวัล “ผู้สูงอายุแห่งชาติ 2568” จึงรู้สึกเหมือนกับว่าเราตกข่าวสำคัญไปข่าวหนึ่ง

ขออนุญาตทำหน้าที่กระจายข่าวต่อนะครับ เพราะยังอยู่ในช่วงของควันหลงสงกรานต์ คงไม่ช้าเกินไปที่จะเขียนถึงข่าวนี้

เอกสารข่าวดังกล่าว สรุปว่าผู้ได้รับ การถวายรางวัลผู้สูงอายุแห่งชาติ 2568 นั้นได้แก่ สมเด็จพระธีรญาณมุนี เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร นั่นเอง

ทันทีที่ทราบข่าวนี้ ผมก็รู้สึกปลาบปลื้มยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะเคยมีโอกาสสนทนาธรรมและฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่านเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาเห็นจะได้

ในปีดังกล่าวผมไปทอดกฐินที่กรุงย่างกุ้งของเมียนมา กับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งก็มีการเปิดสำนักงานสาขาที่ย่างกุ้งด้วยและได้รับเมตตาจากสมเด็จพระธีรญาณมุนีไปนำสวดพุทธมนต์และเจิมป้ายให้พร้อมทั้งประพรมน้ำพุทธมนต์แก่ผู้ไปร่วมงานรวมทั้งผมด้วย นับเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง

ต่อมาในช่วงเย็นๆใกล้ๆ ค่ำยังมีโอกาสตามคณะของท่านไปกราบ พระเจดีย์ชเวดากอง และได้สนทนาธรรม ฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ท่านนับแต่นั้น

เมื่อทราบข่าวว่าท่านได้รับการถวายรางวัลสำคัญยิ่งในปีนี้ จึงรู้สึกปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุดดังกล่าว

นอกจากรางวัลผู้สูงอายุแห่งชาติแล้ว ทางกระทรวง พม.ยังได้มอบรางวัลอื่นๆ อีกหลายรางวัล รวมทั้งรางวัล “ครอบครัวร่มเย็น 2568” ที่ปีนี้เป็นของ คุณแม่มารศรี อิศรางกูร ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง พ.ศ.2542 ที่คนไทยรู้จักคุ้นเคยอย่างยิ่ง

คุณแม่มารศรี ซึ่งมีอายุ 104 ปีแล้ว ยังแข็งแรงและเป็นข่าวผ่านโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยๆครั้ง

ผมเป็น FC ท่านตั้งแต่ยังนุ่งกางเกงขาสั้นไปดูหนังที่ ศาลาเฉลิมกรุง เมื่อ 60 ปีก่อนโน้น ซึ่งคุณแม่เป็นนักพากย์ฝ่ายนางเอกประจำโรงคู่กับ ม.ล.รุจิรา อิศรางกูร ณ อยุธยา สามีท่านใช้นามในการพากย์ว่า “รุจิรา–มารศรี” ยังจำได้จนถึงวันนี้

ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับคุณแม่มารศรี สำหรับรางวัลอันทรงเกียรติในฐานะ “ครอบครัวร่มเย็น” ใน พ.ศ.2568

แต่ก็อย่างที่ผมพาดหัวคอลัมน์ไว้แหละครับ วันผู้สูงอายุแห่งชาติปีนี้ มีทั้งข่าวดีและข่าว “อำลาอาลัย”…วันนี้ผมขอเขียนถึง “ข่าวดี” ก่อน พรุ่งนี้ขอเขียนอำลาอาลัยอย่างยิ่งแก่ 2 ผู้มีอายุที่จากไปอย่างน่าเสียดายนะครับ

ได้แก่ “แม่ผ่อง” ผ่องศรี วรนุช นักร้องลูกทุ่งหญิงระดับศิลปินแห่งชาติ และ “คุณหมอเฉก” นพ.เฉก ธนะสิริ ผู้เปรียบเสมือน “เสาหลัก” ของผู้สูงอายุในประเทศไทยทุกๆ คน.

“ซูม”

สมเด็จพระธีรญาณมุนี ผู้ได้รับรางวัลวันผู้สูงอายุแห่งชาติ 2568 พร้อมคุณแม่มารศรี ครอบครัวร่มเย็น