ท่องเที่ยว “สายบาป” จะเอาจริงหรือรัฐบาล?

เมื่อวันเสาร์ที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ผมกับภรรยาและลูกหลานจำนวนหนึ่งรวมตัวกันไปไหว้พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ณ พระอุโบสถ ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ในช่วงเวลาประมาณ 10 นาฬิกา เห็นจะได้

ผมไม่ได้ไปไหว้พระแก้วมรกตหลายปีแล้ว น่าจะตั้งแต่ยุคโควิด-19 ระบาด แม้ผมจะผ่านไปทางท้องสนามหลวงในช่วงเทศกาลปีใหม่อยู่บ้าง แต่ก็ใช้วิธีนั่งไหว้อยู่ในรถ เพราะผู้คนแน่นมาก ไม่เหมาะที่คนใช้ไม้เท้าแล้วอย่างผมจะลงไปเบียดเสียดกับคนอื่นๆ

จึงตั้งใจไว้ว่า…วันที่ 5 หรือ 6 เมษายนปีนี้จะต้องหาเวลาว่างไปไหว้วัดพระแก้วสักวันหนึ่ง และที่เลือกทั้ง 2 วันนี้ก็เพราะเป็นวันใกล้เคียงและวันตรงกับ “วันจักรี” พอดี

ก็จะได้ทั้งไหว้พระแก้วมรกต และไหว้ถวายบังคมบูรพมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ที่สถิตย์อยู่ ณ พระบรมมหาราชวัง โดยเฉพาะ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ผู้ทรงสถาปนา “พระบรมราชจักรีวงศ์” และทรงย้ายเมืองหลวงจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งตรงข้าม เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325

แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วง “โลว์ซีซัน” นักท่องเที่ยวน้อยลง แต่ในช่วงเวลาที่ผมและครอบครัวเดินเข้าสู่วัดพระแก้วนั้น ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยว ทั้งเดินก่อนหน้าผม และตามหลังผมมาอีกยาวมาก เห็นแล้วชื่นใจที่การท่องเที่ยวของเรายังคงดำเนินการอยู่ได้ดีพอสมควร

ทำให้ผมอดมิได้ที่จะคาดหวังว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีปัญหาว่า นักท่องเที่ยวอาจจะน้อยลง เพราะกลัวแผ่นดินไหวนั้น… อาจจะไม่น้อยลงมากจนถึงขั้นหงอยเหงาอย่างแน่นอน

จากนั้นผมและครอบครัวก็ได้เข้าไปกราบนมัสการพระแก้วมรกตถึงภายในพระอุโบสถตามที่ได้ตั้งใจไว้ และได้ใช้เวลานั่งสมาธิสวดมนต์ภาวนาขอพรจากท่านทุกๆเรื่องตั้งแต่เรื่องบ้านเมือง และประเทศชาติมาจนถึงเรื่องส่วนตัวของผมเอง

ต่อมาผมก็ชวนลูกหลานออกจากวัดพระแก้ว ชมพระบรม มหาราชวังในหลายๆจุด จนใกล้เที่ยงจึงออกจากวังไปหาเครื่องดื่มเย็นๆ ดื่มแก้คอแห้งที่ “ท่ามหาราช”

ที่นั่นเองผมก็พบกับภาพที่ชื่นใจอีกเช่นกัน เมื่อมีนักท่องเที่ยวฝรั่งกลุ่มใหญ่ทั้งเด็กและผู้ใหญ่นับสิบคนมาเช่าชุดไทยแล้วก็แต่งชุดไทยเต็มยศไปลงเรือที่ท่ามหาราช ได้ยินว่าจะไปวัดระฆังบ้างวัดอรุณฯบ้าง เพื่อถ่ายภาพในชุดไทยร่วมกับสถานที่สำคัญของเราไว้เป็นที่ระลึก

ระหว่างดื่มน้ำเย็นๆ ผมก็อดนึกถึงความหลังบนเส้นทางส่งเสริมการท่องเที่ยวอันยาวนานกว่า 50 ปีของประเทศไทยเราเสียมิได้

เราตั้งใจจะให้นักท่องเที่ยวมาชมความงามของศิลปวัฒนธรรมของเรา ชมโบราณสถานอันยิ่งใหญ่และ ฯลฯ ที่เรามีอยู่ แต่กลับ กลายเป็นว่า พวกเขาอยากมาเที่ยวบ้านเรา เพราะโรงนวด โรงอาบน้ำ ซ่องโสเภณีระบำดิสโก้ โชว์รูดเสาแถวๆ พัฒน์พงศ์ และพัทยาไปเสียฉิบ

สื่อต่างๆ เอาไปประจานทั่วโลกว่า “ของบาป” เหล่านี้คือ แม่เหล็กล่อใจให้คนมาเที่ยวเมืองไทย ผมฟังแล้วก็ใจหาย เวลาไปต่างประเทศก็รู้สึกหน้าชา แต่ก็ไม่รู้จะโต้เถียงเขาได้อย่างไร

เพิ่งจะมาช่วงหลังๆนี้เองที่นักท่องเที่ยวเขามาชมวัดชมวัง มากินอาหารไทยมาชมธรรมชาติอันสวยงามของไทย มาเยี่ยมวัดอรุณฯ มาแต่งชุดไทยถ่ายภาพกับวัดอรุณฯ และวัดต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและอยุธยา…น่าชื่นใจนัก

ตอนเย็นผมกลับถึงบ้าน เปิดวิทยุเปิดโทรทัศน์มีแต่ข่าวต่อต้านรัฐบาลที่เร่งรัดจะนำกฎหมายที่ขอเรียกตรงๆ ว่า “บ่อนกาสิโน” เข้าสภา ก็พลอยรู้สึกขุ่นข้องหมองใจไปกับฝ่ายต่อต้านเขาด้วย

รัฐบาลอ้างว่าเพื่อหารายได้จากการท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศ

ไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือครับที่เราจะกลับไปสู่การท่องเที่ยว “สายบาป” ซึ่งบาปกว่าการ “ค้ากาม” ยุคก่อนเสียอีก…

สรุปเพราะไปเห็นฝรั่งแต่งชุดไทยที่ท่ามหาราชแท้ๆ ที่ทำให้ผมต้องจบคอลัมน์วันนี้ด้วยการยกมือขอคัดค้านกฎหมายกาสิโนด้วยอีกคน…ท่องเที่ยวเรามาถูกทางแล้วครับ อย่ากลับไป สู่เส้นทาง “สายบาป” อีกเลย.

“ซูม”