เมื่อวานนี้ผมทิ้งท้ายไว้ว่า คนเก่งในอดีตของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาที่นำความรู้ความสามารถของเขาออกไปช่วยสังคมไทยอีกคนหนึ่งนั้น เป็นถึงนายแบงก์ใหญ่อนาคตไกลมาก
แต่จู่ ๆ นายธนาคารที่ว่านี้ก็ถอดสูทอำลาวงการธนาคารไปเป็นนักพัฒนาชนบทและชุมชน จากห้องแอร์สู่ท้องไร่ท้องนา
เกริ่นเพียงเท่านี้ ผมเชื่อว่าผู้ที่ติดตามข่าวสารการพัฒนาประเทศไทย โดยเฉพาะข่าวเศรษฐกิจข่าวการเงิน หรือแม้แต่ข่าวการเมืองคงจะนึกออกว่าอดีตพนักงานระดับสูงของแบงก์ชาติท่านนี้ก็คือ คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม นั่นเอง
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็นนักเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่น 21 เรียนห้องเดียวกับคุณหมอ วิจารณ์ พานิช คนสอบได้ที่ 1 ของประเทศไทย ที่ผมเขียนถึงเมื่อวานนี้ และเป็น 1 ใน 50 คนแรกของนักเรียน “ติดบอร์ด” แผนกวิทยาศาสตร์ในปีเดียวกัน เพียงแต่จำไม่ได้ว่าไพบูลย์ติดอันดับที่เท่าใดเท่านั้น
หลังจบเตรียม…เขาสอบเข้าคณะเทคนิคการแพทย์แต่หลังจากนั้นก็สอบชิงทุนของธนาคารแห่งประเทศไทย ไปเรียนเศรษฐศาสตร์ที่อังกฤษ และกลับมาทำงานใช้ทุน กลายเป็น 1 ในดาวรุ่งดวงใหม่ของ ธปท.
ผมรู้จักไพบูลย์ตั้งแต่อยู่โรงเรียนเตรียมอุดม เพราะเป็นกรรมการของสีฟ้าด้วยกัน เคยร่วมกิจกรรมด้านกีฬาสีและการเชียร์หลาย ๆ ครั้ง
เรามาเจอกันอีกครั้งในยุคที่ท่านอาจารย์ ดร.เสนาะ อูนากูล อดีตเลขาธิการสภาพัฒน์ ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล เมื่อปี 2518 ให้ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ดร.เสนาะมีความเห็นว่า แบงก์ชาติควรจะมีฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่างเป็นทางการ เพื่อเผยแพร่ความรู้และผลงานของแบงก์ต่อสื่อมวลชนและประชาชนให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในยุคนั้น
จึงเชิญชวนนักประชาสัมพันธ์จำนวนหนึ่ง รวมทั้งผมด้วย ช่วยวางแผนตั้งฝ่ายประชาสัมพันธ์อยู่หลายเดือนทำให้ผมมีโอกาสได้พบไพบูลย์และทีมดาวรุ่งนักเรียนทุนแบงก์ชาติอีกหลาย ๆ ท่าน
จากนั้นผมก็มีโอกาสพบปะกับไพบูลย์ในงานสัมมนาวิชาการต่าง ๆ อีกหลายหน ได้แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดกันมาโดยตลอด และแน่นอนเรามักจะคุยถึงความหลังสมัยเรียนโรงเรียนเตรียมอยู่เสมอๆ
ต่อมาผมก็ได้ข่าวที่เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนช็อก แต่ผมไม่ช็อก เพราะได้คุยกับเขาบ่อยครั้ง ทำให้ทราบแนวความคิดของเขาอย่างดียิ่งว่า เขาเกิดมาเพื่อที่จะทำในสิ่งที่เขาตัดสินใจเลือกจนเป็นข่าวใหญ่ใน พ.ศ.นั้นอย่างแน่นอน
นั่นก็คือข่าวที่ว่า ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ประกาศอำลาวงการธนาคาร เพื่อไปรับตำแหน่ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่จังหวัดชัยนาท ประมาณ พ.ศ.2531 และทำงานอย่างมีความสุขที่องค์กรนี้ถึง 9 ปีเต็ม ๆ
เปลี่ยนชีวิตจากนายธนาคารไปเป็นนักพัฒนาชนบทตามแนวทางที่ท่านอาจารย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ วางไว้
ในช่วงสุดท้ายของชีวิต…ไพบูลย์ได้กลับมาเป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และมีส่วนอย่างสำคัญยิ่งที่ทำให้ธนาคารของรัฐแห่งนี้เป็นธนาคารเพื่อประชาชนที่มุ่งเน้นในการช่วยเหลือคนยากจนและผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการหลาย ๆ โครงการที่เขาริเริ่มขึ้น
เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในรัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และขึ้นดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วยในเวลาต่อมา
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ถึงแก่อนิจกรรมเมื่อปี 2555 ด้วยโรคมะเร็งในตับอ่อน สิริอายุ 71 ปี แต่เรื่องราวและตำนานของเขายังเป็นที่โจษขานพูดถึงรำลึกถึงอยู่เสมอในแวดวงนักพัฒนาชนบทและชุมชนเมืองในทุกวันนี้
ที่ผมเขียนถึงวันนี้ก็เพื่อที่จะเติมข้อมูลให้อีกเล็กน้อยเท่านั้นว่าเขาเป็นคนเรียนเก่งคนหนึ่งของประเทศ และเป็นศิษย์เก่าเตรียมอุดมที่ใช้ความเก่งของเขาเพื่อพี่น้องประชาชนผู้ด้อยโอกาสในสังคมไทยที่สมควรยกย่องอีกท่านหนึ่ง.
“ซูม”