เมื่อวานนี้ในคอลัมน์ “ซอกแซก” ฉบับวันอาทิตย์…ผมเขียนถึงความประทับใจ และความอิ่มเอิบเป็นที่สุด ที่มีโอกาสไปกราบสักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” ที่ท้องสนามหลวงและได้ใช้เวลานับชั่วโมง ในการตักตวงความสุขทางใจ จากบรรยากาศรอบๆ ในช่วงคํ่าๆ ที่ผมไปอยู่ที่นั่น
เนื่องจากเนื้อที่ในฉบับเมื่อวาน แม้จะยาวกว่าวันปกติแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเขียนถึงประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่ง ที่ผมไปพบเข้าโดยบังเอิญได้ จึงขอยกมาเขียนต่อในวันนี้อีกสักวันนะครับ
ก่อนที่คณะของเราจะออกจากบริเวณพระมณฑป เพื่อเตรียมตัวกลับบ้านตามเวลาที่ทางราชการกำหนดไว้นั่นเอง…ก็มีคณะบุคคลกลุ่มหนึ่งคล้องป้ายระบุชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ชุดใดชุดหนึ่งของงานนี้ เดินสวนเข้ามา มีทั้งผู้ใหญ่และเด็กหนุ่มสาวเกือบๆ 10 คนเห็นจะได้
มีอยู่รายหนึ่งสวมเสื้อทีเชิ้ตปักคำว่า “ช่างสิบหมู่” ถือไม้วัดมาด้วย และบางคนก็ถือกล้องถ่ายรูปมาด้วย ผมก็ถามขึ้นตามประสาคนซอกแซก ที่อยากรู้อยากเห็นว่าน้องๆ จะมาทำอะไรกัน
ได้รับคำตอบว่าน้องๆ เหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรจะมาถ่ายรูปพระเขี้ยวแก้ว เพื่อเตรียมไปจัดทำจดหมายเหตุและมีอยู่ส่วนหนึ่งตอบว่า จะมาวัดขนาดของพานพุ่มและเครื่องบูชา ที่พระบรมวงศานุวงศ์ทรงถวายแด่พระเขี้ยวแก้ว เมื่อเสด็จมาสักการะนั่นเอง
เพราะทางฝ่ายจีนจะนำกลับไปทุกชิ้น เพราะถือเป็นของสูงและเป็นเกียรติยิ่งที่ได้รับจากพระบรมวงศานุวงศ์ของไทยเรา
น้องๆ จึงต้องมาขอวัดขนาดเพื่อเตรียมกล่องที่พอดีสำหรับบรรจุพานพุ่มและเครื่องบูชาต่างๆ เพื่อส่งทางอากาศไปพร้อมกับการเสด็จกลับของพระเขี้ยวแก้วดังกล่าว
ผมฟังแล้วก็ใจหายนึกถึงภาษิตจีนที่ว่า “มิมีงานเลี้ยงใด มิเลิกรา” ขึ้นมาทันที…ใช่แล้ว แม้งานบุญใหญ่ที่พวกเราได้รับ โอกาสในการบูชาพระเขี้ยวแก้วจากประเทศจีนก็จะต้องเลิกราเช่นกัน
ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายที่พระเขี้ยวแก้วยังประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวงนั้นมีวันสำคัญตามธรรมเนียมชาวพุทธ และตามธรรมเนียมสากลอยู่ 2 วันด้วยกัน
วันแรกก็คือ “วันมาฆบูชา” ซึ่งจะตรงกับวันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งจะมีการทำบุญตักบาตรเวียนเทียนตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งที่บริเวณมณฑปพระเขี้ยวแก้ว ณ ท้องสนามหลวงด้วย
ผมเชื่อว่าพี่น้องชาวไทยจำนวนมากจะไปเวียนเทียนและกราบสักการะพระเขี้ยวแก้ว ที่ท้องสนามหลวงในวันมาฆบูชาแน่นขนัดแน่นอน
อีกวันหนึ่งก็คือ “วันวาเลนไทน์” ครับ ซึ่งปีนี้จะตรงกับวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ ถัดจากวันมาฆบูชาไปแค่ 2 วันเท่านั้นเอง
ก็ปรากฏว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 จะเป็นวันที่ พระเขี้ยวแก้ว ประดิษฐานอยู่ในประเทศไทยเป็นวันสุดท้ายพอดีเลยครับ
หลายวันก่อนผมมีโอกาสพบท่านปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงานอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานชั่วคราว ณ ประเทศไทย ท่านหนึ่ง ท่านบอกผมว่าถ้าคุณ “ซูม” มีโอกาสช่วยเขียนเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยมาร่วม “ส่งเสด็จ” ด้วย ท่านจะเสด็จกลับประเทศจีนในเช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้แล้ว
ผมก็ขอถือโอกาสเขียนเชิญชวนในวันนี้เลยครับว่า วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือวันวาเลนไทน์ปีนี้ เราไปร่วมส่งเสด็จด้วยการสักการะในวันสุดท้ายที่ท่านประดิษฐานในประเทศไทย ณ ท้องสนามหลวง ให้หนาแน่นเป็นพิเศษตามที่ท่านปลัดขอร้องไว้
จากนั้นรุ่งขึ้นเช้า 15 กุมภาพันธ์ รอเวลาที่ชัดเจนจากทางราชการอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ขอเชิญพี่น้องประชาชนไปร่วมส่งเสด็จรอบๆ ท้องสนามหลวงอย่างพร้อมเพรียงกัน
ขอขอบคุณรัฐบาลจีนที่มอบโอกาสอันล้ำค่านี้แก่พวกเราชาวไทย ขอให้ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศจงเจริญรุ่งเรือง และยั่งยืนสืบไปนานแสนนานนะครับ ท่านสี จิ้นผิง
ผมเชื่อว่าด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้…พี่น้องชาวไทยจะมีโอกาสอีกครั้งในอนาคตที่จะได้รับเสด็จพระเขี้ยวแก้วสู่ประเทศไทย “เป็นหนที่ 3”––ขอขอบคุณล่วงหน้าไว้ตั้งแต่บัดนี้เลยนะครับ.
“ซูม”