“ประชานิยม” กับ “ฝุ่น PM 2.5” “รถไฟฟ้าฟรี” ได้ผลแค่ไหน?

วันนี้ (อังคารที่ 28 มกราคม 2568) ตรงกับ “วันไหว้” ของเทศกาลตรุษจีน 2568 พี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศจะออกมาตั้งโต๊ะ “ไหว้เจ้า” และไหว้บรรพบุรุษกันตั้งแต่เช้าตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติติดต่อกันมายาวนาน

แต่เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงที่ “ฝุ่นพิษ” PM 2.5 กำลังโหมกระหน่ำอย่างหนักในหลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศไทย รวมทั้งใน กทม. และปริมณฑลด้วย รัฐบาล ผู้ว่าฯ กทม.จึงออกมาขอร้องผู้ที่จะทำพิธี “ไหว้เจ้า” ทั้งหลาย งดการจุดธูปเทียนหรือการเผากระดาษ ซึ่งจะเป็นการซํ้าเติมให้สถานการณ์ของ PM 2.5 หนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก

ผมเห็นด้วยครับ และโดยความตั้งใจของผมเอง ซึ่งยังคงไหว้เจ้าอยู่ทุกเทศกาลตรุษจีน ก็คิดอยู่แล้วว่าจะอธิษฐาน กราบเรียนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งไทยจีนและบรรพบุรุษของผมทุกๆท่านว่า ลูกๆหลานๆทุกคน ของดจุดธูป จุดเทียน และเผากระดาษเงินกระดาษทองในปีนี้

สำหรับปัญหา PM 2.5 ที่หนักหนาสาหัสอยู่ในขณะนี้นั้น หากเรามองย้อนหลังกลับไปก็คงจะพอจำได้ว่า มีการพูดถึง เขียนถึงด้วยความวิตกกังวลมาก่อน พ.ศ.2550 เล็กน้อย และเริ่มมีการศึกษาวิจัยมีการเก็บสถิติมาตั้งแต่ พ.ศ.2554 โดยเฉพาะใน กทม.และปริมณฑล

สถานการณ์มาหนักมากในปี 2562 ซึ่งเป็นยุครัฐบาล “ลุงตู่” นั่นเอง หนักถึงขั้นขึ้นหัวข่าวหน้า 1 หลายวันมีการประชุมสัมมนา มีข้อเสนอแนะแก้ปัญหาอย่างกว้างขวาง และแม้แต่คอลัมน์ผมเองก็เขียนถึงหลายครั้ง

รัฐบาลลุงตู่ท่านก็รับไปว่าจะแก้ปัญหาโดยจะไปดำเนินการเช่นนั้นเช่นนี้ตามที่หลายๆ ฝ่ายเสนอไว้ และในทางปฏิบัติท่านก็ลงมือทำในหลายๆ ข้อเสนอแนะ

แต่เนื่องจากสาเหตุแห่งปัญหาล้วนเป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องยากเกี่ยวข้องกับประชาชนหมู่มากทั้งในเมือง ในชนบท และในประเทศข้างเคียงของเราด้วย การแก้ไขปัญหาจึงไม่ปรากฏผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

ผมเองที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะเขียนขอร้องพี่น้องประชาชนว่าอย่าทำโน่นอย่าทำนี่ โดยเฉพาะเรื่องการเผาพืชไร่ต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุหลักเหตุหนึ่งที่ผมจะเขียนขอร้องบ่อยที่สุด

ขณะเดียวกันก็จะเขียนให้กำลังใจทุกฝ่ายทั้งภาคประชาชนและภาครัฐบาล ขอให้ร่วมมือกันแก้ปัญหาต่อไป เพราะตระหนักดีว่าปัญหานี้แก้ไขได้ยาก…ขอให้ตั้งใจทำเถอะได้ผลไม่ได้ผลอย่างไรก็ถือว่าเราได้ช่วยกันแล้ว และขอให้ร่วมมือกันต่อไป

มาถึงรัฐบาลนี้ตอนแรกผมก็อยู่ในฝ่ายให้กำลังใจ เพราะเห็นท่านแสดงความเอาใจใส่ สั่งระดมสรรพกำลังทุกฝ่ายให้ช่วยกันอย่างเต็มที่

มาสะดุดตรงที่ท่านประกาศให้มีการขึ้นรถไฟฟ้าฟรี และรถเมล์ฟรี ของกระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ 25-31 มกราคมนั่นแหละ…เพราะไม่ได้ฟรีจริง…ผู้โดยสารอาจฟรีไม่ต้องจ่ายอะไรเลยแต่รัฐบาลต้องจ่ายชดเชยให้แก่รถไฟฟ้ากับรถเมล์ในช่วงดังกล่าว โดยใช้เงินงบกลางประมาณ 140 ล้านบาท…อ้าว!

มีผู้ใช้รถไฟฟ้าฟรีรายหนึ่งโพสต์ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม ซึ่งเป็นวันแรกของการขึ้นฟรี รถไฟฟ้าแน่นเอี้ยดทุกสาย แต่ดูๆ แล้วกลายเป็นคุณลุง คุณป้า ลูกเล็กเด็กแดงออกมาเที่ยวเสียส่วนมาก ไม่น่าจะใช่ผู้ขับขี่รถยนต์จะจอดรถยนต์ไว้บ้านมาขึ้นหรอก

คงต้องรอดูวันจันทร์และวันทำงานว่า จะมีคนจอดรถที่บ้านมาขึ้นรถไฟฟ้ามากน้อยเพียงใด…จึงยังไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาของรัฐบาลที่ถูกจุดหรือเปล่า

เพื่อนเก่าผมรายหนึ่งเจอกันที่ศูนย์อาหารของศูนย์การค้าแห่งหนึ่งเมื่อคํ่าวันเสาร์เช่นกัน ฝากผมให้ไปบอกน้องๆ ผู้สื่อข่าวทำเนียบว่า ฉายาของรัฐบาลปีหน้าควรเป็น “รัฐบาลถนัดแจก” เพราะแจกได้ทุกเรื่องทุกสถานการณ์จริงๆ แม้แต่แก้ปัญหา PM 2.5 ยัง “แจกฟรี” จนได้

เอาเงินของประชาชนมาแจกให้ขึ้นรถไฟฟ้าฟรี ก็ต้องโดนตั้งข้อสังเกตและข้อวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดาอย่างนี้แหละครับ

ฝากให้นักวิชาการอิสระลองไปประเมินผลด้วยนะครับว่า “บริการฟรี” ครั้งนี้สามารถแก้ปัญหา PM 2.5 ได้มากน้อยเพียงใด ถ้าแก้ได้มากต่อไปจะได้ใช้วิธีนี้อีก

อย่าให้ผลประเมินออกมาว่าผู้ที่คุ้มที่สุดคือบริษัทรถไฟฟ้ากับ ขมสก.ที่ได้รับ “อั่งเปา” ก้อนใหญ่จากรัฐบาล และประชาชนที่ได้นั่งรถเที่ยวฟรีก็มีความสุขบ้างนิดหน่อย

แต่ “PM 2.5” ยังคงหนักหน่วงเหมือนเดิมก็แล้วกันครับ.

“ซูม”

PM 2.5 ฝุ่นพิษทวีความรุนแรงในกรุงเทพฯ และการแก้ปัญหาจากรัฐบาลในช่วงตรุษจีน