นับจากวันนี้ไปก็อีก 8 วันเท่านั้นจะถึงวันตรุษจีน 29 มกราคม 2568 ซึ่งเราคาดหวังกันว่า จะมีนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนทั่วโลกมาท่องเที่ยวในเทศกาลตรุษจีนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ

แม้แต่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็คาดหมายไว้ก่อนที่จะเกิด “ซิงซิงเอฟเฟกต์” ว่าจะมีนักท่องเที่ยวแห่มาบ้านเราถึง 1.34-1.35 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 5-6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

แต่พอเกิดเหตุการณ์ “ซิงซิง” ขึ้น กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สื่อจีนทั้งสื่อหลักและโซเชียลมีเดียพาดหัวติดต่อกันหลายๆวัน ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นเมืองที่ไม่ปลอดภัยของคนจีน และยอดจองโรงแรมลดวูบพอสมควร เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว

สื่อต่างประเทศถึงขนาดคาดกันว่า ยอดนักท่องเที่ยวจีนจะลดจำนวนลง และประเทศไทยจะได้รับความเสียหายคือ รายได้จากการท่องเที่ยวช่วงตรุษจีนอาจสูญไปถึง 4,000-5,000 ล้านบาท

ผมก็หยิบมาเขียนแสดงความห่วงใย ขอให้รัฐบาลไทย โดยเฉพาะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาวางแผนแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่ในคอลัมน์นี้เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว

หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ออกมาแถลงกับผู้สื่อข่าวว่า ท่านยังมั่นใจว่านักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากจีนน่าจะมาไทยในจำนวนไม่น้อยกว่าเดิม เพราะผู้ที่เลิกจองห้องพักจนเป็นข่าวนั้น ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าใหม่…ที่ไม่เคยมาเมืองไทยเลย

ในขณะที่ลูกค้าเก่าที่เคยมาแล้วและรู้จักประเทศไทยอย่างดียิ่งยังพร้อมที่จะมาอยู่ และทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯพร้อมด้วยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ได้ประสานกับทางสถานทูตจีนดำเนินการประชาสัมพันธ์ถึงความปลอดภัยต่างๆอย่างเร่งด่วนแล้ว

ผมก็ขอเอาใจช่วยเต็มที่ และขอให้ทุกสิ่งทุกอย่างจงเป็นไปตามเป้าหมายที่เราคาดการณ์ไว้แต่แรกว่านักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นในช่วงตรุษจีนปีนี้นะครับ

สำหรับหน่วยงานสำคัญอีกหน่วยงานหนึ่งที่แถลงว่าเตรียมพร้อม ที่จะรับมือกับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่ 24 มกราคมไปจนถึง 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือว่าเป็น 10 วันของเทศกาล ตรุษจีน 2568 ก็คือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT นั่นเอง

ท่านกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ กีรติ กิจมานะวัฒน์ คาดการณ์ว่าในช่วง 10 วันดังกล่าวนี้ จะมีผู้โดยสารเดินทางมาประเทศไทยทั้งหมด 4 ล้านกว่าคน และจะเป็น ชาวจีน 7 แสน 7 หมื่นคน เพิ่มจากปีที่แล้วถึง 22 เปอร์เซ็นต์ (มากกว่าตัวเลขของ ททท.)

พร้อมกับยืนยันว่า AOT จะดูแลอย่างดีที่สุด ทั้งในแง่ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ไม่ติดขัดไม่แออัดมาก ในทุกสนามบินหลักๆ เช่น สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, เชียงราย, หาดใหญ่ และภูเก็ต

นอกจากนี้ ในช่วง 3-4 วันมานี้ก็ยังมีข่าวดีด้านท่องเที่ยวเกิดขึ้นแก่ประเทศไทยเราอย่างน้อย 2 ข่าว ได้แก่ ข่าวกรุงเทพมหานคร หรือ Bangkok ของเราเป็นเมืองที่ดีที่สุดของโลกอันดับ 2 ในปี 2025 จากการจัดอันดับของนิตยสาร “Time Out” ซึ่งเป็นนิตยสารที่ได้รับความนิยมและเชื่อถือได้ฉบับหนึ่ง

ส่วนข่าวดีข่าวที่ 2 ก็คือ แพลตฟอร์มท่องเที่ยวชื่อดัง อโกด้า ระบุว่า กรุงเทพฯยังคงขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 อีกครั้งของเมืองจุดหมายปลายทางสำหรับนักเดินทางทั้งไทยและต่างชาติในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ (2568)

ที่สำคัญอโกด้าพบว่า อัตราการค้นหาที่พักและรายละเอียดที่จะมา กทม. ประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างแดนพุ่งสูงขึ้นถึง 70 เปอร์เซ็นต์

ผมก็หวังว่าจากความมั่นใจของรัฐบาล และข่าวดีทั้ง 2 ข่าวนี้จะมีส่วนช่วยนักท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะ “จีน” เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยเราในช่วงตรุษจีน “ทะลุเป้าหมาย” ในที่สุด

บอกแล้วครับว่า ถ้าจะส่งเสริมการท่องเที่ยวในเรื่องดีๆ เช่น เรื่องวัฒนธรรม หรืออาหารการกิน หรือทรัพยากรธรรมชาติอันงดงาม ฯลฯ ที่เรามีอยู่ละก็ ที่นี่พร้อมจะชูมือ 2 มือเชียร์เต็มที่… แต่ก็จะคัดค้านเต็มที่เช่นกัน ถ้าจะให้มี “การพนัน” หรือ “บริการบาป” อื่นใดมาล่อใจอย่างที่กำลังพยายามอยู่ในขณะนี้.

“ซูม”